คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ปัจจัย การเมือง – สถานการณ์การเมืองในจังหวัดนครศรีธรรมราชคล้ายกับในจังหวัดสงขลา
จากการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อเดือนมีนาคม 2562 จากการเลือกตั้งนายกอบจ.เมื่อเดือนธันวาคม 2563 สะท้อนให้เห็นความขัดแย้ง อย่างชนิดฝังลึก
เป็นความขัดแย้งของแต่ละกลุ่มภายใน “ประชาธิปัตย์”
กล่าวสำหรับในจังหวัดสงขลาสะท้อนให้เห็นการเบียดขบระหว่างกลุ่มของ นายถาวร เสนเนียม กับ กลุ่มของ นายนิพนธ์ บุญญามณี ทั้งระดับชาติ ระดับท้องถิ่น
เรื่องอย่างนี้มีหรือที่จะรอดสายตา “พลังประชารัฐ”
ถามว่าพรรคพลังประชารัฐ “แจ้งเกิด ในพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างไร
ตอบได้เลยว่าสถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ภาคใต้ก็ดำเนินไปเหมือนกันกับสถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นั่นก็คือ เติบโตมาจาก “ความขัดแย้ง” ของพรรคประชาธิปัตย์
จากความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดสงขลา จากความขัดแย้งในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร กำลังจะแพร่ระบาดลามไหม้เข้าไปยังในพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช
นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพรรคประชาธิปัตย์จะแก้ “เกม” ได้ทันหรือไม่
หากพรรคประชาธิปัตย์คิดจะแก้ “เกม” จำเป็นต้องนำเอาบทเรียน “สงขลา” มาใช้
พรรคประชาธิปัตย์ตระหนักเป็นอย่างดีว่า ความขัดแย้งและแตกแยกที่ดำรงอยู่ส่งผลให้มีเรื่องอื้อฉาวและพรรคพลังประชารัฐสามารถสอดแทรกเข้าไปได้เมื่อเดือนมีนาคม 2562
เมื่อถึงการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม 2563
มีการปรับพื้นฐานและทำความเข้าใจระหว่างกลุ่มของ นายถาวร เสนเนียม กับ กลุ่มของ นายนิพนธ์ บุญญามณี หันหน้าเข้าหากันและสู้ศึกกับพรรคพลังประชารัฐ
ปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์กำชัยในพื้นที่ “สงขลา”
ตราบใดที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชยังไม่จับมือกันพรรคประชาธิปัตย์จะแพ้
อย่าลืมเป็นอันขาดว่าตัวบุคคลที่เข้าไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐล้วนเคยสัมพันธ์และเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน ตื้นลึกหนาบางย่อมรับรู้มาครบถ้วน
หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่นำ “สงขลา โมเดล” มาใช้ก็ไม่มีทางชนะ