ปูพรมกวาดล้างหมอกระเป๋าและคลินิกเสริมความงามเถื่อน ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยจับกุม หมอกกระเป๋า ได้ 3 คน และ คลินิกเสริมความงามเถื่อน 3 แห่ง
ผบ.ตร.ปัดขอโทษม็อบ อุบใช้แก๊สน้ำตาปราบชุมนุมราชประสงค์
“จั๊กจั่น – เค” ไม่ทน! ฟ้องคนสร้างเรื่องลวงโลก 10 ล้าน
วันที่ 24 มี.ค. 2564 เจ้าหน้าที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กรมสนับสนุนบริการสุขภาและ องค์การอาหารและยา หรือ อย. บุกเข้าจับกุมคลีนิกเถื่อนขณะกำลังเสริมความงามให้ผู้หญิงคนหนึ โดยคลินิกแห่งนี้ ในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมตรวจยึดของกลาง เครื่องมือทำเลเซอร์ เครื่องทำเทอร์มาจ ยกกระชับใบหน้า และผลิตภัณฑ์ยา จากข้อมูลพบว่า คลินิกแห่งนี้ ให้บริการโดยไม่มีใบอนุญาติ เป็นคลินิกเถื่อน มีผู้เสียหายที่เคยใช้บริการยกกระชับใบหน้าด้วยเลเซอร์ในโปรแกรมเทอมาจ แล้วมีอาการบวมและเกิดรอยไหม้บริเวณใบหน้า จึงมาร้องทุกข์ ที่ ปคบ. ซึ่งการเข้าจับกุมครั้งนี้ น.ส.จินตนา (สงวนนามสกุล) เจ้าของคลินิก รับสารภาพว่าทำมาแล้ว 2-3 ปี พร้อมยอมรับว่า ไม่มีใบอนุญาต
นอกจากนี้ ยังสามารถจับกุมหมอกระเป๋าได้อีก 2 คน คือ น.ส.สายฝน (สงวนนามสกุล) ที่ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี อ้างว่าทำมาแล้วประมาณ 1 ปี และ นายนฏกร (สงวนนามสกุล) ซึ่งจับกุมในพื้นที่เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร อ้างทำมาแล้ว 2 ปี ทั้งหมดให้บริการภายในห้องพักหรือคอนโด ไม่มีคลินิกที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนการจับกุมคลินิกเถื่อน จับกุมได้ 3 แห่ง คือ คลินิกย่านรัชดา เขตจตุจักร กรุงเทพฯ คลินิกย่านถนนวิภาวดี เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ และ คลินิกย่านถนนพระยาสุเรนทร์ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
ทั้งหมดเป็นคลินิกที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล หรือ บางแห่งยังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตแต่ลักลอบเปิดให้บริการก่อน
หลังการสอบสวนกลุ่มหมอกระเป๋าทั้งหมด พบว่า ไม่ได้เป็นแพทย์เสริมความงาม แต่เรียนรู้วิธีการเสริมความงามด้วยตัวเอง จากนั้นจึงมาทำอาชีพเป็นหมอกระเป๋า ส่วนคลินิกเถื่อนพบว่ามีแพทย์เข้ามาให้บริการด้วย หลังจากนี้จะรวบรวมหลักฐานให้แพทยสภาพิจารณาดำเนินการต่อไป
เบื้องต้น มีการแจ้งข้อหา ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา กับผู้ก่อเหตุทั้งหมด
ด้านนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยว่า ได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายคน จึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยให้มากที่สุดพร้อมทั้งเลือกใช้บริการในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ นพ.ธเรศ ยังเตือนไปถึงแพทย์ที่เข้าตรวจและให้บริการแก่ประชาชน ว่า การจะไปตรวจให้บริการ ควรตรวจสอบสถานพยาบาลให้ชัดเจน ว่า เป็นสถานพยาบาลที่ถูกต้องหรือไม่