ท่ามกลางวิกฤตโควิด -19 ครั้งนี้ “หัวหิน” ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของกลุ่มคนไทย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เพราะเป็นเดสติเนชั่นที่สงบ สวยงาม และใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ราว 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ
“ฟิลลิปโปส อาร์กิริดิส” ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมฮิลตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา ได้ให้ข้อมูลภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวของหัวหิน รวมถึงแนวคิด มุมมอง แนวทางการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเอาตัวรอดท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ของโรงแรมแห่งนี้ไว้ดังนี้
รีโนเวตครั้งใหญ่
“ฟิลลิปโปส” บอกว่า แม้ว่าหัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) จะเป็นโลเกชั่นที่ได้เปรียบเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด แต่ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับทำเลอื่น ๆ เนื่องจากพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยก็ไม่ได้เอื้อให้เดินทางซ้ำในจำนวนที่ถี่มากนัก
ที่สำคัญยอมรับว่าที่ผ่านมาคาพาซิตี้ (capacity) ต่าง ๆ ของโรงแรมฮิลตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา โรงแรมระดับ 5 ดาวในกลางเมืองหัวหิน มีชายหาดที่มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และโอบล้อมรอบด้วยภูเขาแห่งนี้เดิมทีเดียวนั้นมีไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60-70% ที่เหลือจะเป็นกลุ่มคนไทย
โดยในช่วงปี 2560 โรงแรมแห่งนี้ได้ทำการรีโนเวตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในช่วงต้นปี 2563 “ฮิลตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา” ได้ถือเอาวิกฤตที่โรงแรมได้ทำการปิดให้บริการตามประกาศของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ประมาณ 2-3 เดือน เร่งทำการรีโนเวตครั้งใหญ่ตามมาสเตอร์แพลนของแผน 10 ปี รวมถึงปรับเปลี่ยนทิศทางในหลาย ๆ ด้าน
ตั้งแต่การปรับโฉมห้องพักและห้องสวีต 295 ห้อง (สามารถมองเห็นวิวทะเลแบบ 360 องศา) ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อาทิ ล็อบบี้ ที่ถูกดีไซน์แบบไทยร่วมสมัย สอดแทรกเรื่องราวของเมืองหัวหิน เข้ามาในรูปแบบดีไซน์ผ่านลายเส้นต่าง ๆ ที่เปรียบเสมือนเกลียวคลื่นสร้างประสบการณ์รื่นรมย์ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาถึง
หรือในส่วนของ “เดลก้า คอฟฟี่ แอนด์ ดีเซิร์ท บาร์” ที่ปรับใหม่ให้เหมาะทั้งซื้อกลับบ้านและนั่งรับประทานที่ร้าน พร้อมชื่นชมทิวทัศน์ของสระว่ายน้ำและท้องฟ้า รวมถึงห้องรับรองพิเศษที่มีการตกแต่งใหม่ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมวิวทะเลที่งดงาม
นอกจากนี้ยังมี “คิดส์คลับ” ที่มีกิจกรรมหลากหลาย เช่น สไลเดอร์, ผนังปีนเขา, ห้องมือ ฯลฯ ภายใต้การดูแลของพนักงานอย่างใกล้ชิด และโซนอาร์ตแอนด์คราฟต์ที่เปิดให้เด็ก ๆ ได้ใช้จินตนาการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยตัวเอง รวมถึงศูนย์ออกกำลังกาย อุปกรณ์ครบครัน, สนามเทนนิส, สนามสควอช, สปา ฯลฯ
ปรับกลยุทธ์จับคนไทย
ไม่เพียงเท่านี้โรงแรมแห่งนี้ยังได้ปรับรูปแบบการบริหารจัดการ การให้บริการ การสร้างประสบการณ์ใหม่สำหรับการเข้าพัก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ของนักท่องเที่ยวในวิถีปัจจุบันด้วย โดยให้ความสำคัญกับการทำตลาดเพื่อจับกลุ่มคนไทยมากขึ้น อาทิ ทำแพ็กเกจการขายสำหรับการเข้าพักแบบครอบครัว แบบกลุ่ม ทั้งห้องพัก อาหาร กิจกรรมระหว่างการเข้าพัก รวมถึงการปรับเปลี่ยนเมนูอาหารที่เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มคนไทยให้มากยิ่งขึ้นด้วย
และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการให้บริการ “ฮิลตัน” ทั่วโลก รวมถึง “ฮิลตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา” ยังได้พัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่เรียกว่า Hillton CleanStay หรือมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและถูกสุขอนามัยทุกพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกโรงแรมด้วย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำให้ “ฮิลตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา” เป็นแลนด์มาร์กของเมืองหัวหินที่ชัดเจนและมีมาตรฐานยิ่งขึ้น
ส่วนในเรื่องของแผนกลยุทธ์นั้น เมื่อก่อนโควิดโรงแรมแห่งนี้จะเน้นทำการตลาดอินเตอร์ แต่ตอนนี้ต้องหันมาโฟกัสตลาดคนไทย จึงปรับกลยุทธ์โดยหันมาใช้สื่อที่เป็นที่นิยมของคนไทยในทุก ๆ ช่องทาง อาทิ ไลน์, ทวิตเตอร์, เข้าร่วมงานไทยเที่ยวไทย ฯลฯ ขณะเดียวกันยังดูในเรื่องของกลยุทธ์ราคาที่ทำแพ็กเกจด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าด้วย
“เราเที่ยวด้วยกัน” หนุน
“ฟิลลิปโปส” เล่าว่า หลังจากที่ “ฮิลตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา” กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบแรกในวันที่ 26 มิถุนายน 2563 พบว่าอัตราการพักเริ่มปรับตัวดีขึ้นในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 65-70% แต่พอเริ่มเข้าสู่เดือนกันยายนซึ่งเป็นช่วงนักเรียนเปิดเทอมอัตราการเข้าพักก็ตกลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) ที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ราว 35%
อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ออกมาทำให้อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นเท่าตัวอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องมาสะดุดอีกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่จังหวัดสมุทรสาครเมื่อปลายเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นผลทำให้รัฐบาลออกมาตรการห้ามเดินทางเข้า-ออกในบางพื้นที่ตามมา
หวังตลาดคนไทยช่วยพยุง
การแพร่ระบาดของโควิดภายในประเทศระลอกใหม่นี้ “ฟิลลิปโปส” บอกว่า ส่งผลกระทบยาวมาถึงตัวเลขรายได้ในปีนี้อย่างชัดเจน โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมาตัวเลขหายไปอย่างชัดเจน เนื่องจากมีประเด็นเรื่องของการห้ามเดินทางข้ามจังหวัดในบางพื้นที่ จึงคาดหวังว่าตัวเลขจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 นี้ จากเทศกาลสงกรานต์และวันหยุดยาว และยังคาดหวังด้วยว่ารัฐบาลอาจเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาช่วยอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนเข้ามาได้บ้างในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
“ฟิลลิปโปส” บอกด้วยว่า ปี 2563 ที่ผ่านมาเราได้ตลาดคนไทย หรือไทยเที่ยวไทยเข้ามาช่วยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่รัฐบาลออกมาช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศตั้งแต่เดือนกรกฎาคมต่อเนื่องจนถึงปลายปี
และยังคาดหวังด้วยว่า สำหรับปี 2564 นี้ตลาดคนไทยเที่ยวไทย หรือไทยเที่ยวไทยก็น่าจะยังคงเป็นตลาดหลักสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยในปีนี้เช่นกัน