บริษัทหลายแห่งในกรุงเทพฯ แห่ให้พนักงาน work from home หรือบางแห่งขยายเวลาต่อจากปีที่แล้วอย่างไม่มีกำหนด ลดความเสี่ยงติดเชื้อ-แพร่เชื้อโควิด-19 คลัสเตอร์ทองหล่อ
จากข้อมูลของกรุงเทพมหานคร ณ วันที่ 7 เม.ย. 2564 สรุปผลการตรวจเชิงรุกสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ระหว่างวันที่ 3 – 6 เม.ย. 2564 พบว่า มีผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 2,230 ราย โดยพบเชื้อโควิด-19 จำนวน 267 ราย ไม่พบเชื้อโควิด-19 จำนวน 912 ราย และอยู่ระหว่างรอผล จำนวน 1,051 ราย
กทม. เปิดยอดโควิด คลัสเตอร์ทองหล่อ ติดเชื้อ 267 รายรอยืนยัน 1,051 ราย
ในวันเดียวกันนั้น ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รายงานว่า ได้ทำการตรวจพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด-19 (SARS -CoV-2) จากตัวอย่างบางแค และทองหล่อ ด้วยวิธี Specific probe Real Time RT-PCR
เพื่อแยกสายพันธุ์อังกฤษกับสายพันธุ์ปกติ พบว่า สายพันธุ์ที่ระบาดคลัสเตอร์ทองหล่อเป็นสายพันธุ์อังกฤษ ที่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ปกติ 1.7 เท่า และปริมาณไวรัสในผู้ป่วยถึงแม้จะไม่มีอาการ จะมีปริมาณไวรัสที่สูงมาก ทำให้กรุงเทพฯ เป็น ‘พื้นที่สีส้ม’ หรือพื้นที่ควบคุม
รู้จัก “โควิดสายพันธุ์อังกฤษ” รพ.จุฬา เจอแล้ว แพร่เร็วกว่าปกติ 1.7 เท่า
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทหลายแห่งที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ แห่กำหนดแนวทางการทำงานที่สอดคล้องกับการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ-แพร่เชื้อให้กับพนักงาน ทั้งแบบให้พนักงานทำงานที่บ้าน (work from home – WFH) 100% หรือบางแห่งขยายเวลาต่อจากปีที่แล้วอย่างไม่มีกำหนด ยกตัวอย่าง
“กลุ่มเซ็นทรัล” ประกาศถึงพนักงานในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เนื่องจากเชื้อไวรัสดังกล่าวกำลังกระจายอย่างรวดเร็วในกรุงเทพฯ และมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อสูงขึ้น
โดยนโยบายการทำงานนี้จะเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 เม.ย. ถึงวันศุกร์ที่ 16 เม.ย. 2564 ส่วนช่วงเทศกาลสงกรานต์ บริษัทได้กำชับพนักงานให้ดูแลและป้องกันตนเอง โดยสวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่แออัดและพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อระลอกใหม่
ทั้งนี้ จากวันจันทร์ที่ 19 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป จะมีการทำงานแบบผสมผสาน ทั้งแบบแบ่งทีม A และ B, ทำงานจากบ้าน หรือตามที่ผู้บริหารของแต่ละหน่วยงานพิจารณาว่าเหมาะสม และบริษัทจะประเมินสถานการณ์แล้วแจ้งให้ทราบแนวทางต่อไป
ด้าน “บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS” มีแนวทางป้องกันโควิด-19 ให้พนักงาน แบบแต่ละแผนกแบ่งทีมกันมาทำงานจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง และกรอกไทม์ไลน์การเดินทางให้ละเอียด และป้องกันตัวเองอย่างรัดกุม เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน และคนในสังคม
“บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน)” ร่วมลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ให้พนักงานที่ “สิริ แคมปัส” บนถนนสุขุมวิท 77 ด้วยการให้พนักงานที่ใช้ขนส่งสาธารณะทำงานจากที่บ้าน 100% ส่วนผู้ที่มียานพาหนะส่วนตัวสามารถสลับมาทำงานที่สำนักงานตามความเหมาะสม จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ขณะที่ “บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) – JobsDB” ที่แต่เดิมดูแลการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้พนักงาน ด้วยการให้พนักงานทุกคนทำงานที่บ้าน 100% พร้อมกับสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นให้ไปใช้ที่บ้านตั้งแต่การระบาดระลอกที่ 1 ในปีที่แล้ว และกำลังจะมีแผนจะกลับเข้ามาทำงานที่สำนักงานอีกครั้ง แต่ก็จำเป็นต้องขยายการทำงานจากบ้านต่อไปอีก จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้น
“บลจ.บัวหลวง” หรือกองทุนบัวหลวง กำหนดให้พนักงานปฏิบัติงานจากที่บ้าน (work from home – WFH) จากที่ใดก็ได้ที่เหมาะสมและปลอดภัย ตั้งแต่วันพุธที่ 7 เม.ย.64 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ความเสี่ยงจะคลี่คลายลง
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ถึงแม้จะเริ่มมีการฉีดวัคซีนกันบ้างแล้ว แต่สถานการณ์โควิด-19 ในวันนี้ยังวางใจไม่ได้ เพราะหลายคนลดการ์ดการป้องกันต้วเอง จนมีการติดเชื้อมากขึ้น และอาจแพร่กระจายครั้งใหญ่อีกครั้ง
“เราไม่อาจรู้เลยว่า จะติดเชื้อได้จากใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ถ้าไม่ร่วมมือกันควบคุมตนเองให้ดี ทุกอย่างก็จะกลับมาอีกครั้ง”