เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม
MGR Online – กรมราชทัณฑ์ รายงานพบผู้ต้องขัง วัย 62 ปี มีความดันต่ำ-โรคประจำตัว ติดโควิดเสียชีวิต 1 ราย ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนยอดผู้ติดเชื้อใหม่ 628 ราย
วันนี้ (24 พ.ค.) นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรมราชทัณฑ์ (ศบค.รท.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พ.ค. เวลา 11.00 น.) ว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 628 ราย รักษาหาย 22 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังที่ยังติดเชื้ออยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 15,373 ราย โดยพบการติดเชื้อเพิ่ม 1 เรือนจำ คือเรือนจำกลางขอนแก่น รวมเรือนจำและทัณฑสถานที่พบผู้ติดเชื้อ 13 แห่ง ดังนี้ 1. เรือนจำกลางเชียงใหม่ ไม่มีติดเชื้อรายใหม่, รักษาหายเพิ่ม 18 ราย 2. เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ติดเชื้อรายใหม่ 26 ราย, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม แต่มีผู้เสียชีวิต 1 ราย 3. ทัณฑสถานหญิงกลาง ไม่มีติดเชื้อรายใหม่, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม 4. เรือนจำกลางคลองเปรม ติดเชื้อรายใหม่ 60 ราย, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม 5. เรือนจำพิเศษธนบุรี ไม่มีติดเชื้อรายใหม่, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม 6. เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ติดเชื้อรายใหม่ 14 ราย, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม 7. ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ติดเชื้อรายใหม่ 16 ราย, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม
8. เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ติดเชื้อรายใหม่ 304 ราย, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม 9. เรือนจำกลางบางขวาง ติดเชื้อรายใหม่ 206 ราย, รักษาหายเพิ่ม 4 ราย 10. ทัณฑสถานหญิงธนบุรี ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม 11. เรือนจำกลางขอนแก่น ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม 12. เรือนจำพิเศษมีนบุรี ไม่มีติดเชื้อรายใหม่, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม และ 13. เรือนจำกลางสมุทรปราการ ไม่มีติดเชื้อรายใหม่, ไม่มีรักษาหายเพิ่ม
นายวีระกิตติ์ กล่าวว่า ผู้ต้องขังที่เสียชีวิตจำนวน 1 ราย เป็นผู้ป่วยชายอายุ 62 ปี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เข้ารับการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยอาการเหนื่อย ซึมลง และความดันต่ำ การเอกซเรย์ (X-ray) พบปอดอักเสบ และมีภาวะไตวายร่วมด้วย แพทย์ได้ให้ยาและรักษาตามกระบวนการแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยสูงอายุ และมีอาการรุนแรงจึงได้เสียชีวิตในที่สุด
“การดำเนินการต่อจากนี้ นอกจากเรื่องของวัคซีนแล้ว คือ การวางแผนการรักษาผู้ติดเชื้อ เพื่อลดปริมาณผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตลง โดยเฉพาะการแยกผู้ป่วยออกเป็นกลุ่มสี ตามอาการและภาวะเสี่ยง โดยปัจจุบัน กลุ่มสีเขียว คือผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการป่วยเล็กน้อย และไม่มีภาวะเสี่ยง จะทำการดูแล รักษาภายในโรงพยาบาลสนามเรือนจำ ควบคู่กับการให้สารสกัดจากพืชฟ้าทะลายโจรและพืชฟ้าทะลายโจรชนิดบด และยาลดไข้ตามอาการ สำหรับผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่มีอาการแต่มีภาวะเสี่ยง ทั้งโรคประจำตัว ภาวะอ้วน และสูงอายุ จะดำเนินการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่อลดความรุนแรงของโรค ไม่ให้อาการหนักจนกลายเป็นกลุ่มสีเหลือง และในกลุ่มสีเหลืองกับสีแดง จะส่งต่อการรักษาไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือโรงพยาบาลแม่ข่ายของแต่ละเรือนจำ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลสนามเรือนจำให้สามารถรองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่ต้องรับออกซิเจน เพื่อให้เพียงพอต่อการรักษามากขึ้น” นายวีระกิตติ์ กล่าว
นายวีระกิตติ์ กล่าวต่อว่า การดำเนินการเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในผู้ต้องขังยังคงดำเนินการต่อเนื่อง ทั้งในเรือนจำทัณฑสถานที่พบผู้ติดเชื้อ และการสุ่มตรวจในเรือนจำที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนในขั้นตอนต่อไป โดยขณะนี้มีเรือนจำทัณฑสถานพื้นที่เสี่ยงที่ดำเนินการตรวจเชื้อในผู้ต้องขังจนครบ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วทั้ง 10 แห่ง คือ เรือนจำกลางเชียงใหม่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำพิเศษธนบุรี เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เรือนจำจังหวัดนนทบุรี เรือนจำกลางบางขวาง และทัณฑสถานหญิงธนบุรี รวมทั้งได้เริ่ม SWAB หาเชื้อซ้ำทุก 7 วัน เพื่อตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขังที่ยังไม่พบเชื้อไปแล้ว ซึ่งจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะปกติ หรือสามารถแยกผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกันได้อย่างชัดเจน