ศบค. มหาดไทย หรือศูนย์โควิดฯ มท. ชี้แจงกรณีหนังสือส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ จัดหาวัคซีนให้พนักงานบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ และครอบครัวของพนักงานกว่า 71,000 คน เป็นการรวบรวมข้อมูลขององค์กรขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยง
โทรสารในราชการกระทรวงมหาดไทยจากศูนย์โควิดฯ มท. ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ลงท้ายหนังสื่อด้วยชื่อ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า “ให้จังหวัดพิจารณาให้การสนับสนุนวัคซีน” ภายหลังบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ขอความอนุเคราะห์สนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคให้กับพนักงาน 43,201 คน และครอบครัวของพนักงานบริษัทไทยเบฟฯ 28,244 คน ใน 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร รวม 71,445 คน
โทรสารราชการในกระทรวงมหาดไทย ฉบับนี้ ลงวันที่เมื่อ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า ศบค. มหาดไทย พิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัท ไทยเบฟฯ “เป็นภาคเอกชนที่มีภารกิจและโครงสร้างการดำเนินงานในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ” ดังนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้กับพนักงานและครอบครัวของพนักงาน จึงให้จังหวัดพิจารณาให้การสนับสนุนวัคซีน ตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติของจังหวัด หนังสือดังกล่าวระบุด้วยว่า “กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ได้แจ้งให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาสนับสนุนวัคซีนฯ ให้บริษัทฯ ด้วยแล้ว”
จากเอกสารดังกล่าว ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นช่องทางพิเศษของบริษัทขนาดใหญ่ ในขณะที่ประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม ยังไม่ได้รับจัดสรรวัคซีนทั่วถึง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงกับบีบีซีไทยว่า ยังไม่มีการจัดหาวัคซีนให้กับบริษัท ไทยเบฟฯ
“ยังไม่มีการจัดสรรใด ๆ ครับ เป็นรวบรวมข้อมูลขององค์กรขนาดใหญ่ ที่มีความเสี่ยง ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน” นายฉัตรชัย ตอบกลับบีบีซีไทย เมื่อสอบถามคำชี้แจงกรณีบริษัท ไทยเบฟฯ
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังได้ส่งเอกสารข่าวของกองสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้บีบีซีไทย โดยใจความชี้แจงว่า ศบค. มหาดไทย ได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการ ศบค. และหน่วยงานต่าง ๆ “เพื่อขอรับการสนับสนุนวัคซีนสำหรับฉีดให้กับบุคลากรในสังกัดจากหลายองค์กร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน” เช่น ส่วนราชการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมตลาดสดไทย สมาคมการค้าตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรไทย บริษัทและสถานประกอบการขนาดใหญ่ ซึ่ง ศบค. มหาดไทย ได้แจ้งข้อมูลการขอรับการสนับสนุนวัคซีนข้างต้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผน
เอกสารข่าวระบุด้วยว่า นายฉัตรชัยได้เน้นย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหารือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพื่อวางระบบการบริหารการฉีดวัคซีนให้เป็น มาตรฐานเดียวกัน ครอบคลุม ทั่วถึง ไม่เลือกปฏิบัติ เป็นไปตามมติ ศบค. และแนวทางที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติกำหนด โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมาย “พร้อมสร้างการรับรู้แก่องค์กรภาครัฐและภาคเอกชน โรงงาน สถานประกอบการ องค์กรต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยในกรณีองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความประสงค์จะขอรับวัคซีนให้กับบุคลากรสามารถแจ้งความประสงค์ไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด”
ในกรณีองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรอยู่ในหลายจังหวัด หรือองค์กรระหว่างประเทศ หน่วยงานต่างชาติ ที่ติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศ สามารถแจ้งหนังสือไปยังอธิบดีกรมควบคุมโรค เพื่อขอรับวัคซีนไปฉีดให้บุคลากรในสังกัด โดยหาสถานพยาบาลรองรับการฉีดเอง
ผู้ว่า กทม. ผ่อนคลายเปิดสถานที่ มีผล 21 มิ.ย.
วันเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงนามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 33) ความว่า เพื่อเป็นการผ่อนคลายให้บางสถานที่สามารถเปิดดำเนินการ หรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ ตามข้อกำหนด ผู้ว่า กทม.จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้ ให้สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรม สามารถเปิดดำเนินการบางอย่างได้ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน ควบคุมโรค เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ดังนี้
- สระว่ายน้ำสาธารณะ หรือ กิจกรรมอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
- สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬา หรือ กิจกรรมทางน้ำในบึง เช่น เจ็ตสกี ไคท์เซิร์ฟ เครื่องเล่นประเภทบานานาโบ้ต โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นตามจำนวนเครื่องเล่นและขนาดพื้นที่ สามารถเปิดบริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. และสามารถจัดแข่งขันกีฬาได้โดยไม่มีผู้ชมในสนาม เมื่อได้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด
- ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม และหอศิลป์
- ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดเอกชน และบ้านหนังสือ
- ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. แต่ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน โดยจำกัดจำนวนผู้นั่งบริโภคในร้านเฉพาะที่เป็นการบริโภคในห้องปรับอากาศไม่เกินร้อยละ 50 ของจำนวนที่นั่งปกติ
- สนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกายประเภทกลางแจ้ง หรือที่ตั้งอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง หรือสนามกีฬา หรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกายประเภทในร่มที่อากาศถ่ายเทได้ดี สามารถเปิดให้บริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. และสามารถจัดการแข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชมในสนาม เมื่อได้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด
- ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ
- การจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น การประชุม การสัมมนา การแจกจ่ายอาหารหรือสิ่งของต่าง ๆ การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ การเข้าค่าย การถ่ายทำภาพยนตร์หรือรายการโทรทัศน์ กิจกรรมทางศาสนา การปฏิบัติธรรม การพบปะญาติผู้ใหญ่ ให้ดำเนินการโดยจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่เกิน 50 คน