กรีนพีซเผยแพร่รายงานระบุความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลใน 7 เมืองของเอเชีย ชี้ หนึ่งในสถานที่เสี่ยงจมน้ำคือ รัฐสภาแห่งใหม่ของประเทศไทย
วันที่ 25 มิถุนายน 2564 รายงานฉบับใหม่ของกรีนพีซ เอเชียตะวันออก ระบุว่า ภายในปี 2573 การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและน้ำท่วมแนวชายฝั่งในสภาวะสุดขีดใน 7 เมืองของเอเชียอาจนำไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 724,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายคิม มีกยอง ผู้จัดการโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออก กล่าวว่า ภายในทศวรรษนี้ เมืองที่อยู่ติดชายฝั่งในเอเชียจะมีความเสี่ยงสูงจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุที่เข้มข้นรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน ความปลอดภัย และวิถีชีวิตของผู้คน นอกจากเหลือเวลาไม่มากในการยุติโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด
นายคิม กล่าวอีกว่า รัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องดำเนินการระบบบริหารจัดการน้ำท่วมและการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น ปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายภายใต้แผนที่นำทางก๊าซเรือนกระจกของประเทศนั้นไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งในสภาวะสุดขีด
รายงานฉบับนี้คาดการณ์ว่าภายในปี 2573 ประชาชนกว่า 15 ล้านคนใน 7 เมือง อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม การวิเคราะห์ครั้งนี้เป็นหนึ่งในการวิเคราะห์ครั้งแรกที่ใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่มีความละเอียดสูงในการระบุถึงพื้นที่ของเมืองที่อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และขอบเขตของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ข้อค้นพบหลักจากรายงาน
- ภายในปี 2573 มากกว่า 96% ของพื้นที่กรุงเทพฯ อาจถูกน้ำท่วมหากเกิดอุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี รวมถึงพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีความหนาแน่นสูงใจกลางเมือง
- กรุงจาการ์ตาเผชิญกับภัยคุกคามสองประการ ทั้งจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและแผ่นดินทรุด ราว 17% ของพื้นที่ทั้งหมดของจาการ์ตาซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ในปี 2573 อาจถูกน้ำท่วมภายใต้สถานการณ์อุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี ซึ่งจะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 6.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
- พื้นที่ลุ่มต่ำทางตะวันออกรวมถึงแขวงโคโตซึ่งเป็น 1 ใน 23 แขวงพิเศษของกรุงโตเกียว (ประกอบด้วยเขตสุมิดะ โคโตะ อาดาจิ คัตสึชิกะและเอโดงาวะ) มีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 68,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อาจจะเกิดขี้นจากน้ำท่วมชายฝั่งภายในปี 2573 หรือคิดเป็น 10% ของ GDP รวมของกรุงโตเกียว
- ในกรุงไทเป สถานีกลางไทเปซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญที่สุดทางตอนเหนือของไต้หวัน มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมเช่นเดียวกับเขตต้าถงอันเก่าแก่ คิดเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 24% ของ GDP รวมของกรุงไทเป
- เกือบ 87% ของพื้นที่กรุงมะนิลาเป็นที่ลุ่มต่ำที่เสี่ยงน้ำท่วมซึ่งหากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาถึงอุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี ที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2573 ผู้คนมากกว่า 1.54 ล้านคนอาจได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ารวม 3.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
“รัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องยกเลิกแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในทันทีและเร่งการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เรากำลังเผชิญกับสภาวะฉุกเฉินของสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น เราต้องเสริมสร้างการวางแผนจัดการภัยพิบัติและการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เมืองของเราหลายแห่งในเอเชียเสี่ยงต่อน้ำท่วม เราไม่อาจรอได้” นายคิมกล่าว
รัฐสภาแห่งใหม่ของไทยเสี่ยงน้ำท่วม
กรุงเทพมหานครตั้งอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของเอเชีย และมีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 1.5 เมตร กรุงเทพฯมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุม ความเสี่ยงที่กรุงเทพฯจะเกิดน้ำท่วมมีมากขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ว่าเมืองแห่งนี้กำลังจมเนื่องจากสภาพดินที่อ่อน การขยายตัวอย่างรวดเร็วของเขตเมือง และการทรุดตัวของดิน ซึ่งทำให้กรุงเทพฯมีอัตราการทรุดตัวของพื้นที่ปีละ 30 มิลลิเมตร
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น คลื่นพายุลูกใหม่อาจกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งและอาจทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งรุนแรง น้ำทะเลอาจไหลเข้ามาปะปนจนส่งผลเสียต่อแหล่งน้ำดื่ม
พื้นที่มากกว่า 96% ของกรุงเทพฯเสี่ยงน้ำท่วมหากน้ำทะเลหนุนสูงขึ้น หากเกิดอุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี ในปี 2573 พื้นที่เสี่ยงเกิดน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ได้แก่ พื้นที่ที่อยู่อาศัยและพื้นที่การค้าที่มีความหนาแน่นสูงย่านใจกลางเมือง รวมถึงพื้นที่ที่มีความหนาแน่นปานกลางถึงต่ำ ซึ่งอยู่ห่างใจกลางเมือง ตลอดจนพื้นที่อุตสาหกรรมและพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ในเขตชานเมือง
นอกจากนี้ยังรวมถึงใจกลางย่านธุรกิจหลักของกรุงเทพฯ เช่น สีลม สาทร และวิทยุ/เพลินจิต ซึ่งอาจได้รับผลกระทบ
รายงานฉบับนี้ระบุด้วยว่า สัปปายะสภาสถาน หรือรัฐสภาแห่งใหม่ของประเทศไทย อาจถูกน้ำท่วม เช่นเดียวกับป่าชายเลนตามแนวชายฝั่งและริมแม่น้ำเจ้าพระยา
การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและน้ำท่วมที่ตามมาในปี 2573 อาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่า 512,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 10.45 ล้านคน โดยผลกระทบทางเศรษฐกิจคิดเป็น 96% ของจีดีพีกรุงเทพฯ
อ่านรายงานฉบับเต็ม คลิก