สนข. ลุยปั้นแผน “เดินทางทางน้ำ” สนองนโยบาย “บิ๊กตู่” เล็งพัฒนาเส้นทางเรือโดยสารคลอง กรุงเทพฯ – ปริมณฑล ส่งเสริมอนุรักษ์และท่องเที่ยว
นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการ สำนักงงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนา โครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และการเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น ครั้งที่ 1 วันนี้ (22 ก.พ.) โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 100 คนว่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณาเพิ่มบริการการขนส่งในแม่น้ำ ลำคลองเพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางของประชาชน
สนข. จึงได้ดำเนินการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และการเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์ปัญหาด้านการ เดินทางทางน้ำ รองรับความต้องการในการเดินทางทั้งในปัจจุบันและในอนาคต รวมถึงศึกษาทบทวน ข้อมูสถานะภาพการเดินทางทางน้ำของประเทศไทย และในประเทศที่มีแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice)
นอกจากนี้ สนข. จะจัดทำแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำฯ และข้อเสนอแนะทิศทางการพัฒนาด้านการเดินทางทางน้ำให้สอดคล้องกับการพัฒนาเมือง การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งสาธารณะ และการเชื่อมต่ออย่างบูรณาการ ลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานได้อย่างมีเหมาะสม ตลอดจนให้มีต้นแบบในการพัฒนาเส้นทางเดินเรือในคลองที่มีตอบสนองทั้งการคมนาคม การอนุรักษ์ และการท่องเที่ยว
ปัจจุบัน “เรือโดยสาร” 77 กม. เชื่อม 14 สถานีรถไฟฟ้า
นายปัญญากล่าวต่อว่า ปัจจุบันมี เรือโดยสาร สาธารณะให้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 5 เส้นทาง มีระยะทางรวม 77 กิโลเมตร ประกอบด้วย
- เส้นทางของเรือด่วนเจ้าพระยา และเรือไฟฟ้าให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยา
- เส้นทางในคลองแสนแสบ
- เส้นทางในคลองผดุงกรุงเกษม
- เส้นทางในคลองภาษีเจริญ
- เส้นทางในคลองประเวศบุรีรมย์ (คลองพระโขนง)
ทั้งนี้ พบว่า มีท่าเรือที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันในรัศมี 500 เมตร ประกอบด้วย
- ท่าเรือที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน จำนวน 10 สถานี ได้แก่ สถานีอโศก สถานีหัวลำโพง สถานีบางไผ่ สถานีบางหว้า สถานีเพชรเกษม 48 สถานีภาษีเจริญ สถานีสะพานพระนั่งเกล้า สถานีบางโพ สถานีสนามไชย และสะพานตากสิน
- ท่าเรือที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว จำนวน 2 สถานี ได้แก่ สถานีราชเทวี และสถานีบางหว้า
- ท่าเรือที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จำนวน 2 สถานี ได้แก่สถานีมักกะสัน สถานีรามคำแหง
อย่างไรก็ตาม การให้บริการเรือโดยสารสาธารณะในแม่น้ำและคลอง ยังมีความจำเป็นต้องปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านกายภาพที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือ เช่น การรุกล้ำลำคลอง ปัญหาของประตูระบายน้ำ หรือสะพานกีดขวางการเดินเรือ ปัญหาด้านการให้บริการเดินเรือโดยสาร เช่น เรือวิ่งเสียงดัง เรือปล่อยควันดำ หรือปัญหาด้านความปลอดภัยกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วน
รวมทั้งปัญหาด้านท่า เรือโดยสาร เช่น ท่าเรือชำรุด ขาดสิ่งอำนวยความสะดวกที่ท่าเรือ ตลอดจนปัญหาด้านการเข้าถึงท่าเรือและเชื่อมต่อการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะอื่น เช่น ทางเดินเข้าออกท่าเรือมีสิ่งกีดขวางแสงสว่างไม่เพียงพอ ไม่ปลอดภัย ไม่มีป้ายบอกเส้นทางเข้าออกท่าเรือ และจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะอื่นห่างไกลจากท่าเรือ
นายปัญญา กล่าวตอนท้ายว่า สนข. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นดังกล่าว จึงได้จัดทำแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และการเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น (W – MAP) ในลักษณะ ล้อ – ราง – เรือ เพื่อเป็นการยกระดับการเดินทางทางน้ำ ให้ทางเลือกในการสัญจรและท่องเที่ยว รองรับความต้องการเดินทาง และการเติบโตของเมืองอย่างยั่งยืน
สำหรับการจัดสัมมนาฯ ในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้น เกี่ยวกับบทบาทความสำคัญของการเดินทางทางน้ำ และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ จากผู้เข้าร่วมสัมมนา
ซึ่ง สนข. จะได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ไปใช้ประกอบการศึกษาวิเคราะห์ในโครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาการ เดินทางทางน้ำ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และการเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่นต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โปรตุเกสประกาศเก็บ ‘ภาษีคาร์บอน’ ผู้โดยสารขาออก ‘เครื่องบิน – เรือ’
- ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ย้ำ!! จัดซื้อเรือดำน้ำเพื่อความสงบสุขของประเทศ
- ‘บิ๊กตู่’ ปลื้มเปิด ‘เรือไฟฟ้า’ ลดมลพิษสายแรกของไทย แฟนคลับให้กำลังใจเพียบ