วันสุดท้ายของช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ประชาชนทยอยเดินทางกลับเมืองกรุง ส่งผลให้ตามถนนสายหลักยังคงมีรถราหนาแน่น เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ถนนพหลโยธิน จ.นครสวรรค์ เส้นทางหลักจากภาคเหนือเข้าสู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่สามแยกอุทยานสวรรค์ บริเวณแยกเดชาติวงศ์ ไปถึงแยกหน้าค่ายจิรประวัติ การจราจรหนาแน่นตลอดทั้งวัน ตำรวจจราจรต้องเปิดช่องทางพิเศษอีก 1 ช่องบริเวณเชิงสะพานเดชาติวงศ์ พร้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรแทนระบบอัตโนมัติ เพื่อเร่งระบายรถที่เดินทางมาจากภาคเหนือให้เข้าสู่กรุงเทพฯได้สะดวกยิ่งขึ้น ส่วนถนนหมายเลข 117 นครสวรรค์-พิษณุโลก ตั้งแต่ทางแยกนวมินทร์ไปถึงสามแยกอุทยานสวรรค์ รวมถึงถนนเลี่ยงเมืองหมายเลข 112 รถยังเคลื่อนตัวได้ แต่จะเริ่มติดขัดในช่วงบ่ายถึงค่ำที่ผู้คนเดินทางกลับมาพร้อมกันจำนวนมาก ตำรวจทางหลวงเปิดช่องทางพิเศษบนถนนพหลโยธิน อ.โกรกพระ ระยะทาง 8-11 กม.เพื่อให้รถวิ่งได้คล่องตัวขึ้น
ถนนสายเอเชีย ช่วง จ.อ่างทอง ตั้งแต่ อ.ไชโย รอยต่อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ถึง อ.เมืองอ่างทอง รอยต่อ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา การจราจรหนาแน่นตลอดเส้นทาง รถเคลื่อนตัวช้าสลับหยุดนิ่ง ใช้ความเร็วได้เพียง 30-40 กม.ต่อ ชม. มีการชะลอตัวเป็นระยะตามทางแยก ทางโค้ง และคอสะพานถนนมิตรภาพ เส้นทางสายหลักจากภาคตะวันออก เฉียงเหนือ การจราจรคับคั่งทั้งวัน ที่ จ.ขอนแก่น ทั้งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ถนนเลี่ยงเมืองขอนแก่น-อุดรธานี ขอนแก่น-กาฬสินธุ์ และขอนแก่น-มหา สารคาม รวมถึงช่วงสะพานต่างระดับ อ.พล เช่นเดียวกับ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ช่วง กม.ที่ 62 รถมากเคลื่อนตัวได้ช้าสลับหยุดนิ่งเพราะเป็นจุดที่มีรถออกจากถนนมอเตอร์เวย์ อีกจุด กม.ที่ 53-54 ขึ้นมอบันไดม้าไปถึงหน้าฟาร์มโชคชัย รถแน่นเต็มทุกช่องทาง ตำรวจต้องเปิดช่องทางพิเศษให้วิ่งย้อนศร 1 เลนไปถึง กม.ที่ 47 รวมระยะทาง 7 กม. และอีกจุดหน้าไร่สุวรรณ ต.กลางดง มีรถสะสมยาวตำรวจเปิดช่องทางพิเศษตั้งแต่ กม.ที่ 39 ไปออก กม.ที่ 17 รวมระยะทาง 22 กม.
ถนนสาย 304 ช่วง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา มุ่งหน้า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี อีกหนึ่งเส้นทางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้ากรุงเทพฯและภาคตะวันออก การจราจรหนาแน่นตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะ ช่วงแยกระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ ถึงสะพานต่างระดับรถติดยาวหลายกิโลเมตร เนื่องจากมีถนนสาย 359 จาก จ.สระแก้ว มาบรรจบทำให้รถเคลื่อนตัวช้าสลับกับหยุดนิ่ง ส่วนช่วงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ตัดเข้าถนนสิริโสธร มีปริมาณรถมากเช่นกัน โดยเฉพาะทางแยกเข้าวัดโสธรวรารามวรวิหาร รถติดยาวเหยียดเนื่องจากมีประชาชนและนักท่องเที่ยวแวะกราบไหว้ขอพรองค์หลวงพ่อโสธร สร้างความเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกลับไปทำงาน
ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 ตลอดช่วงเช้าบรรยากาศคึกคักเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ที่เดินทางด้วยรถท้องถิ่นมาจากจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน รวมถึงอำเภอต่างๆของ จ.นครราชสีมา ต่างหอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระอุ้มลูกจูงหลาน แบกถุงข้าวสาร ข้าวเหนียว อาหารแห้ง รวมถึงขวดปลาร้า นำไปเป็นเสบียงอาหารลดค่าใช้จ่ายประจำวัน มา
เข้าแถวจองตั๋วรถโดยสารเดินทางกลับกรุงเทพฯ พื้นที่ ภาคกลางและภาคตะวันออก เจ้าหน้าที่ต้องจัดระเบียบตั้งจุดคัดกรองป้องกันโควิดอย่างเข้มงวด มีผู้คนเนืองแน่น ตลอดทั้งวันจนถึงค่ำ ไม่มีปัญหาผู้โดยสารตกค้าง
ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา คลาคล่ำ ไปด้วยผู้คนที่ไปรอเดินทางกลับภูมิลำเนาทั้งเส้นทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และภาคใต้ตอนบน โดยเฉพาะ ขบวนรถไฟที่มาจากกรุงเทพฯทั้ง 2 ขบวนคือขบวนรถเร็ว 171 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก และขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ 31 กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ มีผู้โดยสารเดินทางเต็มทั้ง 2 ขบวน ทั้งนี้การเดินทางด้วยรถไฟสายใต้โดยเฉพาะขบวนขึ้นล่องกรุงเทพฯที่ให้บริการวันละ 4 ขบวน มีผู้โดยสารจองตั๋วเต็มไปถึงวันที่ 4 ม.ค. มีการเสริมตู้โบกี้เต็มพิกัดการลากจูงทุกขบวนให้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารในช่วงปีใหม่
ที่ลานจอดรถบริษัทซีทรานเฟอร์รี่ ท่าเทียบเรือเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นักท่องเที่ยวต่างนำรถยนต์มารอเข้าคิวลงเรือเฟอร์รี่เดินทางออกจากเกาะสมุยจำนวนมากจนเต็มพื้นที่ลานจอดรถ ทางบริษัทเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางออกจากเกาะสมุยหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ วันนี้คาดว่าจะมีผู้โดยสารนำรถยนต์ลงเรือเฟอร์รี่ออกจากเกาะสมุยประมาณ 1,000 คัน ได้เสริมเที่ยวเรือเพิ่มขึ้นให้เพียงพอกับปริมาณผู้โดยสารไม่ให้ตกค้าง
บรรยากาศที่สถานีรถไฟกรุงเทพ หรือหัวลำโพง เนืองแน่นตลอดทั้งวัน มีประชาชนทยอยเดินทางจากจังหวัดต่างๆกลับเข้ากรุงเทพฯอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขบวนรถพิเศษ 2 ขบวน คือขบวนรถด่วนพิเศษที่ 5 เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และขบวนรถเร็วที่ 934 อุบลราชธานี-กรุงเทพฯ ประชาชน
ส่วนใหญ่ยังคงขนสัมภาระและสิ่งของอุปโภคบริโภคมาเป็นเสบียงลดค่าครองชีพในเมืองหลวง มีตำรวจรถไฟและเจ้าหน้าที่จิตอาสาคอยดูแลรักษาความปลอดภัย พร้อมอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ โดยเฉพาะบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อนำใบรับรองผลตรวจไปแสดงกับนายจ้างก่อนจะเข้าทำงานในวันแรกของปี สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด เฉพาะที่หัวลำโพง ตั้งแต่ วันที่ 28 ธ.ค.64 ถึงวันที่ 2 ม.ค.65 มีผู้เข้ารับการตรวจกว่า 1,500 คน พบผู้ติดเชื้อ 17 คน เจ้าหน้าที่ประสานส่งตัวเข้าดูแลตามระบบสาธารณสุข
นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวภายหลังตรวจความเรียบร้อยที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ หรือหมอชิต 2 ว่า การเดินทางของประชาชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีผู้โดยสารรอรถแท็กซี่หนาแน่นบางช่วง แต่สามารถระบายได้รวดเร็ว จากข้อมูลการเดินรถเที่ยวกลับวันที่ 2 ม.ค. มีผู้โดยสารเดินทาง 33,143 คน จัดรถโดยสารให้บริการ 3,305 เที่ยว บขส.ได้รับความร่วมมือจาก ขสมก.จัดรถมารับผู้โดยสาร จากหมอชิต 2 ไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และอนุสาวรีย์เพื่ออำนวยความสะดวกและระบายผู้โดยสาร ออกจากบริเวณดังกล่าว ด้านความปลอดภัยกำชับให้ตรวจสภาพความพร้อมของรถโดยสารและพนักงาน ขับรถก่อนปล่อยออกจากสถานีขนส่ง และให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัด รวมทั้งประสานไปยังกรมควบคุมโรค เพิ่มจุดตรวจคัดกรองโควิด-19 บริเวณชานชาลาขาเข้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารที่ประสงค์จะตรวจหาเชื้อ
ด้านนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี (ศปถ.) เผยสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 2 ม.ค.เป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 307 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 34 ราย ผู้บาดเจ็บ 311 คน สาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดยังคงเป็นขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ มีการจัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,903 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 66,014 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 436,162 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 91,720 ราย ความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 26,860 ราย ไม่มีใบขับขี่ 23,639 ราย
นายบุญธรรมกล่าวต่อไปว่า จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุ สูงสุด ได้แก่ ตรัง 12 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กทม. และอุดรธานี จังหวัดละ 3 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี 15 คน และจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 53 จังหวัด สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ เกิดอุบัติเหตุรวม 2,221 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 263 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 2,198 คน จังหวัด
ที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 82 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กทม. 17 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 78 คน วันนี้เป็นวันหยุดสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่ คาดว่าจะมีปริมาณรถหนาแน่นตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะเส้นทางหลักจากภูมิภาคที่มุ่งเข้าสู่ กทม.และจังหวัดใหญ่ จึงเพิ่มความเข้มข้นการดูแลความปลอดภัยบนเส้นทางสายหลัก เน้นกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทั้งขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย
นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เผยสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 5 ของช่วง 7 วันอันตราย ว่า มีทั้งสิ้น 2,483 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถในขณะเมาสุรา 2,425 คดี คิดเป็นร้อยละ 97.66 ติด EM 8 ราย คดีขับรถประมาท 1 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.04 และคดีขับเสพ 57 คดี คิดเป็นร้อยละ 2.30 สำหรับช่วง 7 วันอันตรายปี 2565 มียอดคดีสะสมทั้งสิ้น 5,435 คดี จำแนกเป็นขับรถในขณะเมาสุรา 4,883 คดี คิดเป็นร้อยละ 89.84 ติด EM 10 ราย ขับรถประมาท 11 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.20 ติด EM 1 ราย ขับเสพจำนวน 541 คดี คิดเป็นร้อยละ 9.95 จังหวัดที่มีสถิติคดีเมาแล้วขับสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ ชัยภูมิ 403 คดี บุรีรัมย์ 350 คดี และสกลนคร 278 คดี หากเทียบสถิติกับปีที่แล้วมีคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติสูงขึ้น 3,239 คดี คิดเป็นร้อยละ 60
พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า มีผู้เข้าโครงการระหว่างวันที่ 25 ธ.ค.ถึง 2 ม.ค. จำนวน 7,837 หลัง ล่าสุดมอบคืนบ้านแล้ว 580 หลัง คงเหลือบ้านที่ยังไม่ส่งคืน 7,257 หลัง จนถึงวันเวลานี้ได้รับรายงานว่าบ้านทุกหลังที่เข้าร่วม โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ยังมีสภาพปกติ ไม่พบการก่อเหตุจากมิจฉาชีพ อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังคงรักษาความปลอดภัยให้กับบ้านหลังอื่นๆจนกว่าจะส่งมอบคืนให้กับเจ้าของบ้านต่อไป
