เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ฉะเชิงเทรา – รวบต่างด้าวซุกสถานีรถไฟร้างบ้านคลองแขวงกลั่นชาวบ้านหวั่นเป็นแหล่งรวมโรคแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เบื้องต้นจับกุมได้ 20 รายเผยมีมากนับร้อยแต่ถูกทยอยลำเลียงเข้ากรุงเทพฯ ไปก่อนฟ้าสางแล้ว เชื่อ ขบวนการใหญ่ค้าแรงงานเถื่อน เร่งสอบสวนขยายผล
วันนี้ ( 8 ม.ค.) นายเชี่ยวชาญ เทพประดิษฐ์ ปลัดอาวุโส รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉะเชิงเทรา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ได้สนธิกำลังเข้าควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาจำนวน 20 คน เป็นชาย 15 คนและหญิง 5 คน รวมทั้งคนขับรถแท็กซี่ชาวไทยอีก 1 คน ภายอาคารร้างซึ่งเป็นบ้านพักพนักงานสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น
หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฏหมายเข้ามาซุกซ่อนไว้ที่บริเวณอาคารร้างดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา และหวั่นว่าจะเป็นแหล่งรวมโรคแพร่กระจายเชื้อโควิด 19
นายเชี่ยวชาญ เผยว่าจากการสอบสวน นายชัยพัฒน์ พลสิงห์ อายุ 40 ปี ชาว จ.สกลนคร คนขับรถแท็กซี่ ทราบว่าได้เดินทางเข้ามารับช่วงส่งต่อรับแรงงานเถื่อนเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาได้มีรถแท็กซี่หลายคันทยอยเดินทางเข้ามาในพื้นที่เพื่อขนแรงงานต่างด้าวเข้ากรุงเทพฯ แล้วนับร้อยคนโดยอ้างว่าไม่ทราบว่าต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาเป็นแรงงานผิดกฏหมาย
แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อและคาดว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการใหญ่จึงสามารถขนแรงงานผิดกฏหมายเข้าพื้นที่ชั้นในของไทยได้จำนวนมาก ซึ่งหลังจากนี้จะได้สอบสวนขยายผลจับกุมต่อไป
อย่างไรก็ดีแรงงานต่างด้าวที่ถูกควบคุมตัวได้ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดได้เข้าตรวจหาเชื้อโควิด 19 ด้วยชุดตรวจ ATK ทั้งหมดแล้วซึ่งในเบื้องต้นนั้นยังไม่พบผู้ติดเชื้อ จึงได้นำตัวแรงงานต่างด้าวทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวนตำรวจ ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
และจากการสอบถาม นายจิม ชวด อายุ 42 ปี ชาว อ.กะแรง จ.เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา บอกว่าเมื่อหลายปีก่อนตนเองได้เคยเข้ามาทำงานก่อสร้างอยู่ในกรุงเทพฯ และได้เดินทางกลับบ้านเกิดตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 ในครั้งแรกเมื่อปี 2563 ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้จำเป็นต้องเดินทางเข้าไทยอย่างผิดกฎหมาย เนื่องจากไม่สามารถติดต่อผู้ที่ประสานงานในการทำพาสปอร์ตให้ใหม่ได้
โดยตนเองและเพื่อได้ยอมจ่ายเงินให้แก่ขบวนการผู้นำพาที่ฝั่งประเทศกัมพูชาไปแล้วคนละ 6,500 บาท และคาดหวังว่าจะได้กลับไปทำงานกับทางนายจ้างที่เดิมแต่สุดท้ายกลับถูกเจ้าหน้าที่จับกุม