ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผอ.นิด้าโพล ชี้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.คาด พ.ค.นี้ ไม่ดุเดือด เพราะคะแนนห่างชั้นกันมาก ขณะที่ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นอนมาตลอด เผย ‘จุดอ่อน-จุดแข็ง’ คู่ต่อสู้ยอมรับ ‘ปชป.-ดร.เอ้’ หมดมนต์เสน่ห์ ‘ก้าวไกล’ เจอคน 50ปีขึ้นไปไม่หนุนพร้อมเสนอ 2 แนวทางโค่น ‘ชัชชาติ’วิธีนี้เท่านั้นจึงจะสู้กันแบบสู้สี เทียบสมัย ‘สุขุมพันธุ์ VS พงศพัศ’ มั่นใจมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แน่ แต่เผื่อไว้ 10% หากมีรถถังเต็มกทม.ก็จบกัน
นับถอยหลังในศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ที่ประชาชนคนกรุงเทพฯ รอคอยมาเป็นเวลานานหลังจากมีการเลือกครั้งสุดท้ายในปี 2556 ช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีคู่ต่อสู้ที่เรียกว่าลุ้นกันแบบชิดขอบสนามระหว่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงท้าชิงอีก 1 สมัย ใช้กลยุทธ์ ‘รักกรุงเทพฯร่วมสร้างกรุงเทพฯและ ทำแล้ว…จะทำต่อ’ กับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญนายตำรวจหนุ่มรูปหล่อเข้าถึงประชาชน จากพรรคเพื่อไทยด้วยการ ‘วางยุทธศาสตร์ อนาคตกรุงเทพฯกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ’
ผลศึกเลือกตั้งครั้งนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้รับชัยชนะ ด้วยคะแนนร้อยละ 46.26 จากผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด ส่วน
พล.ต.อ.พงศพัศ ได้คะแนนร้อย 39.69 ซึ่งทั้งคู่ได้คะแนนเสียงเกินล้านเสียง ส่งผลให้ผู้สมัครคนอื่น ๆ โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส คะแนนหายไปพอสมควร ได้ไปเพียงร้อยละ 6.13 เท่านั้น
อย่างไรก็ดี ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งต่อไป ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในราวปลายเดือน พ.ค.นี้ หลัง ครม.ไฟเขียวให้กำหนดวันเลือกตั้งนั้น จะเป็นเช่นไรและใครกันแน่จะมีโอกาสชนะเลือกตั้ง แม้ว่า ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะมีคะแนนเป็นที่ 1 มาตลอดจากการสำรวจของนิด้าโพล มาทุกครั้งก็ตาม
ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ บอกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะดึงคนออกมาใช้สิทธิ์ได้มากหรือไม่ก็อยู่ที่ กกต.กทม. แม้คน กทม.อยากจะออกไปใช้สิทธิ์เพราะรอเลือกตั้งมานานก็ตาม แต่ก็มีบางส่วนไม่อยากออกไปเพราะเชื่อว่าถึงอย่างไร ดร.ชัชชาติ ก็ชนะเพราะคะแนนนอนมาตลอด 11 ครั้งที่นิด้าโพลทำการสำรวจ หัวข้อ ‘อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯกทม.’“เลือกตั้งครั้งนี้ ไม่สนุกเท่าไหร่ เพราะเปอร์เซ็นต์ที่ได้มันทิ้งห่างกันมาก ยกเว้นว่าระหว่างทาง ดร.ชัชชาติ พลาดไปเหยียบเท้าตัวเอง หรือใครไปขุดคุ้ยอะไรมาได้ จะทำให้คะแนนร่วงลงมาส่วนคู่แข่งหากดึงคะแนนขึ้นมาได้การเลือกตั้งจะดูตื่นเต้นเร้าใจขึ้นมาได้”
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาก็ยังพอมีคะแนนที่จะสู้เลือกตั้งได้บ้างแต่ครั้งนี้ทั้งตัวพรรคและ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าคะแนนวิ่งไม่ขึ้นจริง ๆซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมดมนต์เสน่ห์ด้วยกันทั้งคู่ก็ต้องดูว่าพรรคและดร.เอ้จะแก้เกมอย่างไร
“ดร.เอ้ แม้จะเป็นคนหน้าใหม่ มีความรู้ แต่ก่อนมาลง ปชป.รู้จักกันในวงวิชาการ ชนชั้นกลางบ้าง สื่อบ้าง แต่คนกลุ่มใหญ่
พ่อค้า แม่ค้า วินมอเตอร์ไซค์ แม่บ้าน คนนั่งรถเมล์ ไม่มีใครรู้จัก
ดร.เอ้ คิดถูกที่มาลงในนาม ปชป. ฐานเสียง ส.ก.ของพรรคก็ช่วยได้เยอะเวลาไปหาเสียงก็ชูกันไป คนก็เริ่มรู้จักมากขึ้น”
ปัญหา ดร.เอ้ จึงอยู่ที่ไม่มีคนรู้จัก และเปิดตัวไม่กี่วันก็โดนถล่มทั้งเรื่องที่ไปพูดว่าเรียนกับหลานอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัจฉริยะ ด้านวิทยาศาสตร์ชื่อดังระดับโลกและยังมาถูกถล่มเรื่องความร่ำรวยผิดปกติสมัยดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
“ผลโพลในคำถามจะเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.พบว่า ดร.เอ้ ล่วงลงไปอีกจากครั้งที่ 9 ได้ 13.06% ครั้งที่ 10 ได้ 11.03%
แต่ครั้งที่ 11 ลงมาเหลือเพียง 8.61% คุณวิโรจน์ จากก้าวไกลเพิ่งเปิดตัว ได้คะแนนคงที่คือ 8% ส่วน ดร.ชัชชาติ ก็อยู่ที่ 38%”
ดังนั้น ปชป.และดร.เอ้ต้องหากลยุทธ์ที่จะดันคะแนนขึ้นมาให้ได้ ส่วนของ ดร.วิโรจน์ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล ก็ต้องหากลยุทธ์ที่จะคว้าดาวมาให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนของ ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล ก็ต้องหากลยุทธ์ที่จะคว้าดาวมาให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่
“เดิมคนคิดว่าก้าวไกล เปิดตัวจะว้าว แต่พอเป็นคุณวิโรจน์ คนอาจเฉย ๆ เพราะรู้จักอยู่แล้ว ในบทบาทของสภา แต่การจะทำงานท้องถิ่นก็ต้องวิ่งให้หนักกว่าที่ทำอยู่หลายเท่า”
ผศ.ดร.สุวิชา ระบุว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง (บิ๊กวิน) ผู้ว่าฯกทม.นั้น หากไม่นับผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจ ก็ถือว่า บิ๊กวิน
มีคะแนนมาเป็นอันดับ 2 ส่วนหนึ่งก็เป็นคะแนนที่เทมาจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่ประกาศไม่ลงแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
ซึ่งคะแนนของบิ๊กวินจะอยู่ที่ 11-12%
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า บิ๊กวิน มีความได้เปรียบเพราะมีอำนาจรัฐในมือสามารถแก้ปัญหามา กกว่าผู้สมัครคนอื่น ๆ ที่เดินไปพบปัญหาในชุมชน ก็ทำได้แค่หาเสียง ส่วนบิ๊กวิน ทำได้จริงเพราะมีอำนาจสั่งการให้เขต ให้ข้าราชการลงไปแก้ไขได้ทันที
“ผู้ว่าอัศวิน มีฐานเสียงเดิมจาก ปชป. ดูแล กทม.มาเกือบจะ 10 ปี เป็นรองผู้ว่าฯ มาก่อนและเป็นผู้ว่าฯ จาก คสช.ตั้งทำให้เขาคลุกคลีอยู่กับชุมชนแถมมีฐานจากที่ตั้งทีมรักษ์กรุงเทพด้วย”
แต่ที่คะแนนของบิ๊กวิน ยังไม่โดดเด่นนั้นน่าจะมาจากการที่บิ๊กวิน ยังแทงกั๊ก ไม่เปิดตัวชัดเจนว่าจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ต่อหรือไม่ทั้งในนามพรรคหรืออิสระทำให้คนที่คิดจะเลือกยังไม่ตัดสินใจหรืออาจไปเลือกคนอื่นแทน
“ผู้ว่าอัศวิน มีจุดอ่อนที่ถูกโจมตีได้ ข้อแรกคือ อายุมาก 70 ปีแล้ว แถมอยู่มานานและเป็นผู้ว่าฯ ที่มาจาก คสช.รวมทั้งการแทงกั๊กก็เป็นจุดอ่อนที่บิ๊กวินต้องตัดสินใจหากจะลงสมัครผู้ว่าฯกทม.
ขณะที่นายสกลธี ภัททิยกุลแม้จะมีจุดแข็งตรงที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถเคยบริหารกทม.ในฐานะรองผู้ว่าฯกทม.มาแล้วและมีฐานเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งกลุ่ม กปปส.ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นผลงานเด่นให้คน กทม.จับต้องได้
“คะแนนจึงอยู่ระดับ 1 กว่าเท่านั้น สิ่งที่น่าห่วงคือทั้ง สกลธี ดร.เอ้ และผู้ว่าอัศวิน มีฐานเสียงเดียวกันก็เสี่ยงที่จะมาตัดคะแนนกันเอง ถ้าคิดจะสู้กับ อาจารย์ชัชชาติก็อาจจะเหนื่อย ต้องคิดกลยุทธ์กันให้ดี ๆ”
ส่วน น.ส.รสนา โตสิตระกูล มีจุดเด่นมากตรงที่เป็นคนที่มุ่งมั่นลงชิงผู้ว่าฯกทม.และเป็นคนที่มีฐานเสียงที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 3% กว่า ๆ แต่ก็มีจุดอ่อนมากตรงที่มีผลงานโดดเด่นอยู่แค่เรื่องของพลังงานและกระทรวงสาธารณสุขด้วยการผลักดันให้ฟ้าทะลายโจรเข้าไปอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ
“คุณรสนา ต้องปรับกลยุทธ์ปรับภาพกว้างให้ครอบคลุมเรื่องของท้องถิ่น เพราะท้องถิ่นไม่ได้มีแค่ 2 เรื่อง
และจุดด้อยก็ยังเหมือนคนอื่น คือเห็นปัญหาพูดได้ก็แค่หาเสียงแต่ไม่มีอำนาจรัฐเหมือนผู้ว่าอัศวิน”
ผศ.ดร.สุวิชา ยังบอกด้วยว่า สิ่งที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.จะต้องทำการบ้านหรือต้องทำงานให้หนักในเวลานี้คือทำอย่างไรที่จะดึงคะแนนของตัวเองขึ้นมาให้ได้รวมไปถึงจะต้องทำอย่างไรให้คะแนน ดร.ชัชชาติลดลงมาเท่านั้น ซึ่งจะเป็นเรื่องยากหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ผู้สมัครและพรรคที่สังกัด
“คะแนนอาจารย์ชัชชาติ ขาดลอยเรียกว่าติดลมบนไปแล้ว เพียงแค่อยู่เฉย ๆ ถนอมตัว รักษาฐานเสียงนี้ไว้เพื่อไปให้ถึงเส้นชัยในการเลือกตั้งก็สบาย ๆ แล้ว แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะจะต้องมีขบวนการขุดคุ้ยเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่าง เพื่อไทย
ทักษิณและอาจารย์ชัชชาติออกมาถล่มแน่ ๆ ซึ่งก็อยู่ที่อาจารย์ชัชชาติ จะทำความจริงให้กระจ่างอย่างไร เป็นไปได้ที่ไม่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สักทีก็เพราะรู้กันอยู่ว่าอาจารย์ชัชชาติ ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.แน่นอน”
ผศ.ดร.สุวิชา ย้ำว่า หาก ดร.ชัชชาติ ชนะเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.นั้นก็จะส่งผลต่อพรรคอื่น ๆ ในสนามเลือกตั้งใหญ่ใน
กทม.ต่อไป โดยเฉพาะพลังประชารัฐ แม้จะมี พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา มาเป็นหัวหน้าพรรคก็ตาม แต่เชื่อว่าคะแนนใน
กทม.จะลดลง แต่จะได้ในพื้นที่ภาคใต้ส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์ตกที่นั่งลำบากเช่นกัน
“โพลสะท้อนให้เห็น ใน กทม. พปชร. ก้าวไกล โอกาสลดลงแต่ก็ต้องดูว่าจะมีพรรคใหม่ ๆ อะไรแทรกขึ้นมาได้บ้าง
เช่นของคุณหญิงหน่อยก็คงได้ในโซนตะวันออกบ้างก็ต้องจับตาดูเพื่อไทยน่าจะมีโอกาสมาก”
อีกทั้งโอกาสที่จะทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ได้รับความสนใจเพราะมีคู่ต่อสู้ที่เทียบเคียงกันได้เหมือนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในปี 2556 ที่มี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กับพล.ต.อ.พงศพัศ ได้นั้น มีอยู่เพียง 2 แนวทางเท่านั้น
แนวทางที่ 1 จะต้องได้ผู้สมัครหน้าใหม่ที่มีคุณสมบัติหรือสเปกดังนี้คือ
1.ต้องเป็นผู้สมัครที่คน กทม.รู้จักและมีผลงานโดยไม่จำเป็นต้องเป็นคน กทม.โดยตรง
2.มีภูมิหลังการทำงานที่โปร่งใส ไม่ด่างพร้อย
3.วัยวุฒิใกล้เคียงกับ ดร.ชัชชาติ คือประมาณ 55 ปี หรืออ่อนกว่านั้นก็ได้
4.มีวาทศิลป์ มีเทคนิคและกลยุทธ์ใหม่ ในการบริหารท้องถิ่น
“ถ้ามองไปที่ผู้ว่าฯ หมูป่า (ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯปทุมธานี) บอกว่าใช่เลย จะเป็นคู่ต่อสู้กับอาจารย์ชัชชาติ ได้อย่างดี
การแข่งขันจะสนุก คนจะให้ความสนใจมาก แต่ผู้ว่าฯ หมูป่า ก็ปฏิเสธไปแล้ว ก็ต้องปล่อยให้ท่านได้เป็นปลัดกระทรวมหาดไทยแต่ในส่วนตัวผมยังคิดว่าเทียบอาจารย์ชัชชาติไม่ได้ และมาดามแป้งก็คงไม่มาลงแน่นอน แค่มีชื่อติดโผหลายๆ
ครั้งเท่านั้น ส่วนคนอื่นก็ยังมองไม่เห็นใคร”
แนวทางที่ 2 เป็นเรื่องที่เป็นไปได้และไม่ได้ คือ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่มีฐานเสียงกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ว่าอัศวิน ดร.เอ้
นายสกลธี และน.ส.รสนา น่าจะหารือกันและตัดสินใจส่งผู้สมัครเพียงคนเดียวที่มีภาษีดีที่สุด ไปแข่งขันกับ ดร.ชัชชาติ
“วิธีนี้ คือการเทคะแนนให้กัน ในส่วนตัวผมคิดว่า ผู้ว่าอัศวิน น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทั้งเรื่องฐานเสียงเก่าและที่สร้างใหม่
อำนาจรัฐที่อยู่ในมือ คือความได้เปรียบจะมีจุดอ่อนมากก็คือเรื่องอายุมากเกินไปเท่านั้น”
นี่คือ 2 แนวทางในการต่อสู้กับ ดร.ชัชชาติที่มีโอกาสสู้กันแบบสูสีไม่ห่างชั้นกันมาก ยกเว้นแต่ว่า ดร.ชัชชาติจะสะดุดขาตัวเอง หรือมีใครขุดคุ้ยเรื่องเก่า ๆ มาโจมตีและ ดร.ชัชชาติ ตอบไม่ได้เท่านั้น
“แต่ในใจผมคิดว่า อาจารย์ชัชชาติ ไม่มีอะไรเสียหายที่จะทำให้สะดุดขาตัวเอง เพราะเดินแบบถนอมตัว เพื่อเข้าสู่เส้นชัยในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.อยู่แล้ว”
ขณะเดียวกัน ผศ.ดร.สุวิชา บอกว่า เชื่อมั่นใจ 90 %ว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ส่วนจะเป็นวันที่เท่าไหร่ ก็ต้องรอกกต.ประกาศ และอีก 10 % ก็เผื่อไว้เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้แต่สิ่งที่จะทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงประเด็นเดียวเท่านั้นคือรถถังออกมาเต็มพื้นที่ กทม.
แต่ก็ยังเชื่ออีกว่าจะไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมีรถถังออกมา!
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline?utm_medium=copy_link
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4jvNjo/