นายสุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. กล่าวกรณีแพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ เตือนให้คนไทยรีบไปรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ หลังเริ่มมีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการแพทย์ ได้รับการจัดสรรวัคซีนไข้หวัดใหญ่จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำหรับให้บริการประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) และโรคอ้วน (น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัม/ตารางเมตร) เพื่อป้องกันและลดความรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ทุกสิทธิการรักษา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ครอบคลุมการป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ คือ (an A/ Victoria/2570/2019 (H1N1) pdm09-like virus, an A/Darwin/9/2021 (H3N2)-like virus; และ a B/ Austria/1359417/2021 (B/ictoria lineage)-like virus.) ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 31 ส.ค.65 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด สามารถไปรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ที่โรงพยาบาล (รพ.) สังกัด กทม. ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ทั้ง 69 แห่ง และ รพ.ของรัฐทั่วประเทศ หรือลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมทั้งขอย้ำเตือนประชาชนระมัดระวังดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย และครบ 5 หมู่ สวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ดื่มน้ำมาก ๆ ล้างมือให้สะอาด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ สำหรับผู้ป่วยควรพักผ่อนอยู่บ้าน ไม่ควรเข้าไปที่ชุมชน หากจำเป็นให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ พร้อมเชิญชวนมารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
อย่างไรก็ตาม กทม.ได้เตรียมความพร้อมระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขใน รพ.ในสังกัด เพื่อรองรับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ โดยการตรวจคัดกรองเบื้องต้น เพื่อแยกประเภทของกลุ่มโรคตามอาการ และเตรียมความพร้อมระบบเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก ด้วยการตรวจค้นพบโรคและวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว ตามแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรค เพื่อลดความรุนแรงของโรค ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้