ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.52 น.วันที่ 5 มี.ค. กลุ่ม REDEM โพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์ม เทเลแกรม ที่ใช้เป็นกระบอกเสียง พร้อมภาพโปสเตอร์ออนไลน์ที่ใช้ระดมมวลชนเข้าร่วมชุมนุมวันที่ 6 มี.ค. ใจความว่า ขอเชิญชวน REDEM ทุกคนร่วมกันเผยแพร่โปสเตอร์นี้พร้อมกัน เวลา 16.10 น. มวลชน REDEM โหวตนัดหมาย 6 มีนาคมนี้! จากห้าแยกลาดพร้าวขนขยะไปทิ้งให้มหาศาลหน้าศาลอาญารัชดา! พร้อมกัน 17.00 น. และยุติการชุมนุมในเวลา 21.00 น.ร่วมยืนยันใน 3 ข้อเรียกร้องของ REDEM ที่กลั่นกรองมาจากความต้องการในการออกมาต่อสู้ของมวลชน! 1.จำกัดอำนาจสถาบันกษัตริย์ 2.ขับไล่ทหารออกจากการเมือง 3.ลดความเหลื่อมล้ำด้วยรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า เพราะนี่คือสามเสาหลักที่เป็นต้นตอปัญหาของการเมืองไทย ที่ทำให้ไทยจมปลักอยู่ในวงจรของเผด็จการศักดินาและนายทุน ความยุติธรรมไม่อาจได้มาหากปราศจากการต่อสู้ แล้วพบกัน
ขณะที่ตำรวจเตรียมกำลังรับมือและดูแลความปลอดภัยในสถานที่ที่จะมีการชุมนุม โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมนัดชุมนุม 4 จุดว่า ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนไว้ 32 กองร้อย เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยตามจุดที่มีการชุมนุมในแต่ละจุด สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มที่ห้าแยกลาดพร้าวที่เคลื่อนไปศาลอาญา เนื่องจากจุดดังกล่าวตามข้อมูลของผู้ชุมนุมจะไม่มีแกนนำ ที่ผ่านมาในการชุมนุมที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) มีการใช้ความรุนแรง รวมถึงมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่เกิดขึ้น จึงต้องจับตาดูสถานการณ์ในจุดดังกล่าวเป็นพิเศษ
ศาลอาญายังไม่ขอกำลังตำรวจ
พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวต่อว่า ได้หารือกับทุกหน่วยงานที่ต้องลงพื้นที่ดูแลการชุมนุมเพื่อกำชับเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย การปฏิบัติตามขั้นตอนการควบคุมดูแลการชุมนุม และยังกำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนทุกนายปฏิบัติเกินกว่ากฎหมายและหน้าที่ ล่าสุดศาลอาญายังไม่ได้ขอกำลังตำรวจมาดูแลภายในและนอกบริเวณศาลเพิ่มเติม เชื่อว่ากำลังที่ บช.น.เตรียมไว้น่าจะเพียงพอต่อการดูแลสถานการณ์ในพื้นที่
ยันตำรวจติดโควิดจริงไม่ใช่แผน
เมื่อถามว่ากรณีมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ไปควบคุมดูแลการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ติดเชื้อโควิค-19 เป็นกลยุทธ์ทางการข่าวหรือไม่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า ยืนยันว่าตำรวจติดเชื้อจริง ไม่มีความจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ทางการข่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุม
บิ๊กปั๊ดเตือนอยู่ในห้วง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
อีกด้านหนึ่ง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีกลุ่มม็อบนัดชุมนุมหลายสถานที่วันเสาร์ที่ 6 มี.ค. ว่า ได้ติดตามสถานการณ์ตลอด เท่าที่ทราบคือที่หน้าศาล ศูนย์ราชการ กรมทหารราบที่ 11 ตรงนั้นเป็นเขตพระราชฐาน ต้องทำความเข้าใจขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามยกระดับการใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้น เรายังยึดหลักไม่ทำอะไรเกินกรอบกฎหมาย แต่ต้องเตรียมการให้มากกว่าเดิม ความสูญเสีย บาดเจ็บ พยายามจำกัดให้น้อยลงให้ได้ ส่วนที่มีการจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมครั้งที่ผ่านมาเพราะมีการกระทำความผิดซึ่งหน้า
ขอกลุ่มผู้ชุมนุมใช้สติคิดให้ดี
เมื่อถามว่าหวั่นจะมีม็อบชนม็อบหรือไม่อย่างวันที่ 28 ก.พ. กรณีชาวบ้านย่านดินแดงได้ออกมาต่อต้านกลุ่มผู้ชุมนุม พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า วันนั้นไม่ใช่ม็อบชนม็อบ เรามีกำลังดูแลอยู่ แต่ว่าดูแลได้ไม่ทั่วถึง อย่างน้อยก็ระงับความเสียหายได้มากพอสมควร เรื่องม็อบชนม็อบไม่คิดว่ามี อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้สติคิดให้ดี คนบางคนมาชักชวนท่านให้เตรียมอุปกรณ์ เตรียมโล่ เตรียมแป๊บเหล็ก ต้องคิดให้ดี ทำอย่างนั้นมันไม่ได้อะไรกับประเทศชาติ ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม แน่ใจเหรอว่าทำอย่างนั้นจะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มรีเดมที่หน้าศาลอาญา ตำรวจนครบาลได้พูดคุยประสานกับสำนักงานศาลยุติธรรมอยู่ตลอด การชุมนุมมันผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่แล้ว ถ้ามีการชุมนุมแบบนั้น ไม่อยากเห็นภาพรุนแรงหรือปะทะกันโดยไม่จำเป็น
แม่แอมมี่ชวดพบลูกชาย
อีกด้านหนึ่ง ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี สถานที่ควบคุมนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลู นักร้องดังที่ถูกจับฐานวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์หน้าเรือนจำคลองเปรม บรรยากาศในวันนี้เจ้าหน้าที่เรือนจำ นำลวดหนามหีบเพลงมาติดตั้งเพิ่ม ทั้งในส่วนของประตู ทางเข้า-ออก และขึงบนแนวรั้วรอบๆเรือนจำ ความสูงจากพื้นดิน ราว 3 เมตร ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามี พ.ต.อ.นรินทร์โชติ พงศ์พิธานนท์ ผกก.สน.บางบอน มาตรวจสอบความเรียบร้อย โดยไม่มีมวลชนเคลื่อนไหวให้กำลังใจ ส่วนช่วงบ่าย นางอรวรรณ แก้ววิบูลย์พันธุ์ มารดานายไชยอมร ขออนุญาตเยี่ยมบุตรชาย แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต เนื่องจากนายไชยอมร อยู่ในความควบคุมตามมาตรการกักตัวป้องกันโรคโควิด-19 เป็นระยะเวลา 14 วัน ตามระเบียบแรกรับผู้ต้องขัง นางอรวรรณ ทำได้แค่ยื่นเรื่องฝากเงินไว้ให้บุตรชายใช้จ่ายในเรือนจำ ตามระเบียบของเรือนจำให้ใช้ได้ไม่เกินวันละ 200 บาท ก่อนกลับ
ศาลยกหมายจับ 2 คนสนิทแอมมี่
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอออกหมายจับ น.ส.ญาณิศา วรารักษพงศ์ นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ 1 ในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ เพื่อนหญิงคนสนิทของนายไชยอมร เเละนายธนภัทร ไม่ทราบนามสกุล โดยศาลอาญามีคำสั่งว่าไม่มีประจักษ์พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุว่าผู้ต้องสงสัยทั้งสองได้ร่วมกับนาย
ไชยอมร กระทำการดังกล่าว มีแต่คำให้การของบุคคลที่พนักงานสอบสวนกันไว้เป็นพยานให้การซัดทอดเพียงเท่านั้น พยานหลักฐานที่ยื่นมายังไม่สามารถออกหมายจับได้ ให้ยกคำร้อง
น.1 เผยศาลให้ออกหมายเรียก
ขณะที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีวางเพลิงที่หน้าเรือนจำคลองเปรมว่าพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้รายงานความคืบหน้าว่า ได้ยื่นขอออกหมายจับผู้ก่อเหตุอีก 2 รายแล้ว แต่เนื่องจากทั้ง 2 รายไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ทางศาลได้มีการพิจารณาขอให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ราย มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
รวบหนุ่มหิ้วไปป์บอมบ์ 18 แท่ง
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 08.45 น. ร.ต.อ.ยุทธนา หงษาคำ รอง สวป.สน.ปทุมวัน จับกุมนายพิเชฐขุนกำแหง อายุ 43 ปี ขณะขับรถปิกอัพ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บร 7818 พิษณุโลก ส่ายไปมา ใกล้แยกปทุมวัน ถนนพญาไท แขวงและเขตปทุมวัน กทม. แต่นายพิเชฐพูดจาวกไปวนมา ไม่ได้ใจความ เชิญตัวมาที่ สน.ปทุมวัน เพื่อตรวจสอบโดยละเอียด ตรวจค้นในรถพบไปป์บอมบ์ 18แท่ง นายพิเชฐอ้างว่าประกอบขึ้นเอง นอกจากนี้ยังพบปืนเเก๊ป 1 กระบอก และผงดำลักษณะคล้ายดินปืน บรรจุในขวดพลาสติกเล็ก 2 ขวด ย่ามเหลือง1ใบ
ประสานอีโอดีตรวจละเอียด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ประสานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) มาตรวจสอบเบื้องต้น ตรวจพบดินดำ สันนิษฐานเป็นดินระเบิดแรงดันต่ำ จากการเอกซเรย์ไม่พบสะเก็ดภายใน วัตถุคล้ายปืนแก๊ป เป็นปืนไทยประดิษฐ์ มีดินปืน มีลูกกระสุนเหล็กทำเอง มีแก๊ปจุดระเบิด ลำกล้องไม่มีเกลียว นอกจากนี้ยังให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจค้นรถคันดังกล่าวโดยละเอียดอีกครั้ง และยังให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานรับวัตถุคล้ายระเบิดไปตรวจพิสูจน์ เพื่อแยกธาตุยืนยันผล
แจ้งก่อน 2 ข้อหาพกพาอาวุธปืน
เบื้องต้นแจ้งข้อหา 1. มีอาวุธปืน (ไม่มีทะเบียน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ส่ง พ.ต.ต.เวียงแก้ว สุภาการณ์ สว. (สอบสวน) สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับความผิดฐานมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครอง อยู่ระหว่างรอผลตรวจจาก EOD หากพบว่าเข้าองค์ประกอบความผิด จะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป
ยังไม่มีรายงานพันม็อบ
มีรายงานว่า นายพิเชฐ เป็นชาว จ.พิษณุโลก เบื้องต้นรับสารภาพขับรถมาจาก จ.พิษณุโลก ส่วนระเบิดประกอบเองจากที่บ้าน ตั้งใจนำเข้ามา กทม. ทั้งนี้ นายพิเชฐขับรถต้องสงสัยคันดังกล่าววนเวียนอยู่บนถนนพญาไท หน้าวังสระปทุม ใกล้แยกปทุมวัน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งรีบมาตรวจสอบจับกุมไว้ได้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบความชัดเจน ส่วนจะมีความเกี่ยวข้องกับม็อบหรือไม่
ผบ.ตร.สั่งคุมตัวส่งกองปราบฯ
หลังการจับกุม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเจ้าหน้าที่ทั้งชุดจับกุม พนักงานสอบสวนที่รับคดี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนต่างปฏิเสธให้ข้อมูล อ้างว่าผู้ต้องหาสติไม่ดี ไม่มีอะไร ไม่เกี่ยวกับม็อบ หรือเรื่องการเมือง อีกทั้งคดีประเภทนี้เป็นคำสั่ง พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้เก็บเป็นความลับ มีรายงานอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำผู้ต้องหาให้แพทย์ รพ.ตำรวจ และนักจิตเวช ตรวจร่างกายอีกด้วย เพราะผู้ต้องหาพูดจาวกวนไปมาไม่รู้เรื่อง ก่อนจะส่งให้เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม ขยายผลต่อจากคำสั่งตรงของ ผบ.ตร.
“บิ๊กป้อม” ยังไม่รู้จับไปป์บอมบ์
เย็นวันเดียวกัน ที่โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน จ.นครศรีธรรมราช พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ปทุมวัน จับกุมชายอายุ 43 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางระเบิดไปป์บอมบ์ 18 แท่ง และปืนในรถกระบะ ที่บริเวณใกล้แยกปทุมวันว่า ยังไม่ได้รับรายงาน
“แอร์บูล” ไม่กังวลม็อบผ่านเขต ทอ.
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ.กล่าวถึงกรณีที่ในวันเสาร์ที่ 6 มี.ค. จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินจากหน้าโลตัส รังสิต ใช้ถนนพหลโยธินขาเข้าผ่านเขต ทอ.ไปยังกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.11 ทม.รอ.) ว่า ก็สัญจรไปมาได้ตามปกติ ถนนด้านนอกเป็นเส้นทางสาธารณะทุกคนสามารถใช้ได้ เพียงแต่เราปิดกั้นช่องทางเขตทหารเท่านั้น เพราะมีทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ คนข้างนอกเข้าไม่ได้ เราดูแลที่ตั้งของเราเท่านั้น ไม่มีมาตรการอะไรพิเศษ ปกติบุคคลภายนอกห้ามเข้าอยู่แล้ว
ก้าวไกลโวยโดนปล่อยข่าวขนม็อบ
ขณะที่ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เผยถึงกรณีมีการอ้างอิงจากทวิตเตอร์ “เจ๊จุก คลองสาม” @jjookklong 3 โพสต์ภาพรถกระบะสีขาวคอยรับส่งแกนนำม็อบ ระบุเป็นรถของ พ.ต.ต.ชวลิต และตั้งคำถามว่านักการเมือง ส.ส.สนับสนุนม็อบผิดกฎหมายหรือไม่ กกต.ต้องพิจารณาว่ายืนยันไม่ได้มีอะไรผิด ไม่ใช่รถตน แต่เป็นของนักกิจกรรมคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในพรรคซื้อมือสอง เจ้าของรถเป็นหนึ่งในกลุ่มนักกิจกรรมที่มาช่วยงานพรรคก้าวไกล หลายคนที่ช่วยงานพรรคก็ไปร่วมชุมนุมด้วยใจ ด้วยความคิดและอุดมการณ์ ไม่มีใครสั่งไม่ได้เกี่ยวกับ ส.ส.พรรค เชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวดิสเครดิตตนและพรรคก้าวไกล ดูรายละเอียดที่แชร์ทั้งการถ่ายรูปและการสืบค้นข้อมูล เชื่อเป็นฝีมือไอโอจากฝ่ายเจ้าหน้าที่
ศาลประสานตำรวจดูความปลอดภัย
นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า ทางศาลอาญาได้ประสานกับทาง สน.พหลโยธิน และสำนักงานศาลจะส่งเจ้าพนักงานตำรวจศาล Court Marshal ประสานกันเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณในศาลอาญาเเละบริเวณรอบๆศาล ส่วนเรื่องอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ สน.พหลโยธินเจ้าของพื้นที่จะประเมินและประสานกับหน่วยงานอื่นของ ตร.มาดูความปลอดภัยโดยรอบ ได้ส่งรองอธิบดีผู้พิพากษาและเลขานุการศาลอาญาไปประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่จะดูแลความปลอดภัยแล้ว ส่วนเรื่องการปราศรัยที่อาจจะละเมิดอำนาจศาลหรือไม่นั้น คิดว่าน้องๆที่ปราศรัยทราบดีถึงสิทธิและหน้าที่ ผู้ชุมนุมสามารถพูดได้ตามสิทธิเสรีภาพ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้ขอให้ศาลเก็บบันทึกข้อมูลไว้
เห็นใจทุกฝ่ายอยากให้บ้านเมืองสงบ
“ศาลอาญายืนยันว่าจะใช้อำนาจเท่าที่จำเป็น เพราะเราเข้าใจเขา เห็นอกเห็นใจ ไม่อยากใช้อำนาจตามกฎหมายที่จะทำอะไรใครทั้งสิ้น ถ้าเขาสบายใจให้น้องๆเขาได้พูดไปแต่ก็ต้องระวัง เพราะแม้อธิบดีฯจะเห็นอีกแบบ เเต่ถ้าทาง ตร.เขาเห็นอีกเเบบ อาจจะดำเนินคดีมาศาลได้ ถึงตอนนั้นค่อยมาดูในส่วนที่เป็นอำนาจหน้าที่ของเราได้ เเต่การดำเนินคดีก็เป็นอำนาจเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินคดี เเต่พูดตรงๆเห็นใจทุกฝ่าย ยืนยันไม่อยากใช้อะไรที่มันรุนแรง หรือทำให้เกิดไม่สบายใจกันทุกฝ่าย อยากให้บ้านเมืองสงบจริงๆ พูดจากใจจริง มีอะไรที่ศาลทำจะทำให้ จำกัดกรอบสิทธิเสรีภาพน้อยที่สุด จะทำในทุกเรื่องด้วยเหตุผลตามกฎหมาย ต้องสร้างความยุติธรรมไม่ว่าฝ่ายไหนทำผิดก็ต้องโดน เพื่อความสงบ ตอนนี้จะเห็นว่าศาลอาญาก็โดนโจมตีจากทั้งสองฝ่ายซ้ายก็โดนขวาก็โดนเราเลย ต้องทำให้เห็นเหตุผลกันด้วยกฎหมายเพื่อมุ่งหวังให้สงบให้ได้ ในส่วนเด็กๆศาลอาญาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างและความระมัดระวังให้มากที่สุดไม่ต้องห่วง เราจะทำให้ดีที่สุดเข้าใจจริงๆเข้าใจมากจนไม่รู้จะพูดอย่างไร” นายสิทธิโชติเน้นย้ำ