กทม. ออกประกาศคุมเข้มเทศกาลสงกรานต์ สกัดการระบาดโควิด

This image is not belong to us
Photo by MADAREE TOHLALA / AFP

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2564 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของแต่ละปีจะมีการจัดงานหรือกิจกรรมเพื่อส่งเสริมประเพณี และวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ มีการเล่นสาดน้ำ ประแป้ง มีการรวมกลุ่มคนเป็นจำนวนมากและอาจเกิดภาวะไร้ระเบียบ คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ในการประชุม ครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2564

จึงมีมติเห็นชอบมาตรการเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสCOVID-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 10 -15 เม.ย 2564

This image is not belong to us

โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมติของคณะกรรมการโรคติดต่อกทม.ดังกล่าว ออกประกาศมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2564 ดังนี้

This image is not belong to us

1. การจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ โดยกิจกรรมพื้นฐาน อาทิ การจัดพิธีสรงน้ำพระรวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ ทางศาสนา การจัดพิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สามารถดำเนินการได้

ทั้งนี้ให้ผู้จัดกิจกรรมและประชาชนปฏิบัติตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปีดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 20) ลงวันที่ 23 ก.พ 2564 โดยเคร่งครัด กรณีมีผู้ร่วมกิจกรรมเกิน 300 คน ผู้จัดกิจกรรมต้องยื่นแผนการจัดงานและมาตรการควบคุมโรคต่อสำนักงานเขตพื้นที่ก่อนจัดงาน

2. การจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์โดยมีกิจกรรมเพิ่มเติมจากกิจกรรมพื้นฐานตามข้อ 1 เช่น การออกร้าน การจัดเลี้ยง ซึ่งมีผู้ร่วมกิจกรรมเกิน 100 คน ผู้จัดกิจกรรมต้องยื่นแผนการจัดงานและมาตรการควบคุมโรคต่อสำนักงานเขตพื้นที่ก่อนจัดงาน

ทั้งนี้ ควรจัดในพื้นที่โล่งแจ้ง อากาศระบายได้ดี หลีกเสี่ยงการจัดกิจกรรมพื้นที่คับแคบหรือในพื้นที่ห้องปรับอากาศ และให้งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากและอาจเกิดภาวะไร้ระเบียบ หรือกิจกรรมที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกัน เช่น การรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ คอนเสิร์ต ประแป้ง ปาร์ตี้โฟม

3. ควรหลีกเลี่ยงการจัดเลี้ยงและสังสรรค์ในกลุ่มที่มาหลากหลายพื้นที่และควรงดการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน

ทั้งนี้ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

QR Code LINE@ Prachachat

ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น

เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat

ติดตามข่าวธุรกิจ

กรุงเทพ

กรุงเทพ

กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง เมืองศูนย์กลางการปกครอง วัดวังงามเรืองรอง เมืองหลวงของประเทศไทย

Next Post

บทความแนะนำ

Welcome Back!

Login to your account below

Create New Account!

Fill the forms below to register

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.