กทม.เตรียมพร้อมฉีดวัคซีนโควิด-19 / “ผู้ว่าฯอัศวิน”พร้อมฉีดหากมีชื่อกลุ่มเสี่ยง

ส่วนแนวทางการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 เองนั้นยันต้องเป็นวัคซีนที่ทาง อย. รับรองแล้วเท่านั้น พร้อมอนุมัติงบประมาณทันที 1 หมื่นล้านบาท ให้สภากทม.พิจารณาทันที

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของกรุงเทพมหานคร ว่า เป็นไปตามแผนของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกรุงเทพมหานครได้จัดตั้งคณะกรรมการดำเนินงานเฉพาะด้านวัคซีนนี้ ตามแบบเดียวกับกระทรวง โดยมีแพทย์ นักวิชาการร่วมด้วย สำหรับวัคซีนโควิด-19 ที่ประเทศไทยจะได้มาล็อตแรกนี้ กรุงเทพมหานครจะได้รับประมาณ 30% ขึ้นไป ซึ่งจะจัดสรรฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงแบบเดียวกับที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เริ่มจากบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่ต้องใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ในส่วนตนหากมีรายชื่ออยู่ในกลุ่มที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนก่อน ตนก็พร้อมฉีดวัคซีน แต่อยากให้ฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงสูงก่อน

นอกจากนี้ ในส่วนของการที่ท้องถิ่นจะจัดซื้อวัคซีนเอง ผู้ว่าฯอัศวิน กล่าวว่า กรุงเทพมหานครพร้อมหากต้องมีการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 แต่ต้องเป็นวัคซีนที่ทาง อย. รับรองแล้วเท่านั้น หากต้องจัดซื้อเองก็พร้อมอนุมัติงบประมาณทันที 1 หมื่นล้านบาท เข้าสภากรุงเทพมหานครพิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนตัวใดที่จะสามารถจัดซื้อได้ และท้องถิ่นอื่นๆ ก็ยังไม่มีการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 แต่อย่างใดได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมรองรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภายหลังจากรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขจัดสรรให้ โดยสถานพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมโครงการจะมีสถานพยายาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร รวมถึงสถานพยาบาลของรัฐ และเอกชน สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะเริ่มฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขก่อน หากจำนวนที่ได้รับจัดสรรมาเพียงพอ เหลือจากนั้นจะฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงตามลำดับ ซึ่งจำนวนวัคซีนที่ได้ขึ้นอยู่กับทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้จัดสรรให้แต่ละจังหวัด

ทั้งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้เปิดเผยถึงพื้นที่เป้าหมายในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกจำนวน 2 ล้านโดสที่จะเข้ามาในประเทศไทย แผนระยะแรก ช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย.2564 จะกระจายใน 10 จังหวัด โดยที่กรุงเทพมหานครจะได้รับนั้นจะนำไปให้บริการในสถานพยาบาลที่มีแพทย์และห้องฉุกเฉินทั้งรัฐและเอกชน โดยจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และประชาชนทั่วไปและแรงงาน ตามลำดับ