กรมวิทย์ฯ เร่งสุ่มตรวจปาท่องโก๋เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หวั่นการปนเปื้อนบอร์แรกซ์ สารโพลาร์ในน้ำมันทอดซ้ำ และตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารอะคริลาไมด์ หรือ AA เสี่ยงก่อมะเร็ง
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดียว่าเบื้องหลังความกรอบของปาท่องโก๋อาจมีภัยเงียบจากผงกรอบหรือที่รู้จักกันในชื่อทั่วไปว่าน้ำประสานทองหรือบอร์แรกซ์ ประกอบกับการใช้น้ำมันทอดซ้ำของพ่อค้าแม่ค้า เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง
ล่าสุด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้สุ่มเก็บตัวอย่างปาท่องโก๋ที่จำหน่ายในเขตพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 80 ตัวอย่าง ได้แก่ ปาท่องโก๋แบบคู่และซาลาเปา 61 ตัวอย่าง ปาท่องโก๋จิ๋วกรอบ 14 ตัวอย่าง และปาท่องโก๋ที่แบรนด์ดังที่ได้รับความนิยมสูง 5 ตัวอย่าง
ผลจากการตรวจด้วยชุดทดสอบบอร์แรกซ์ ไม่พบการปนเปื้อนบอร์แรกซ์ แต่จากการตรวจสอบด้วยการดมกลิ่นพบว่า มีกลิ่นแอมโมเนีย 7 ตัวอย่าง หรือประมาณร้อยละ 9 คาดว่าแอมโมเนียมไบคาร์บอเนต (Ammonium Bicabonate) หรือเบคกิ้งแอมโมเนีย ซึ่งช่วยให้ปาท่องโก๋พองฟู
สำหรับการใช้น้ำมันทอดซ้ำได้สุ่มตัวอย่างปาท่องโก๋ จำนวน 21 ตัวอย่าง ตรวจด้วยชุดทดสอบสารโพลาร์ในน้ำมันทอดซ้ำ ตรวจไม่พบทุกตัวอย่าง
“ปาท่องโก๋เป็นอาหารที่มีแป้งสูงและผ่านกระบวนการทอดด้วยน้ำมัน โดยใช้ความร้อนสูง ทำให้มีโอกาสที่จะพบสารอะคริลาไมด์ โดยมีรายงานการศึกษาด้านพิษวิทยา พบว่า ถ้าได้รับปริมาณมากมีพิษต่อระบบประสาท
อีกทั้ง หน่วยงาน International Agency for Research on Cancer (IARC) จัดให้เป็นสารในกลุ่มที่อาจก่อมะเร็งในคน
ดังนั้น จึงตรวจวิเคราะห์ปริมาณอะคริลาไมด์ในปลาท่องโก๋ จำนวน 25 ตัวอย่าง ได้แก่ ปาท่องโก๋จิ๋วแบบกรอบ 14 ตัวอย่าง ปาท่องโก๋แบบคู่ 6 ตัวอย่าง และปาท่องโก๋ชื่อดัง 5 ตัวอย่าง พบอะคริลาไมด์ในปริมาณน้อยกว่า 0.04-0.48 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
ซึ่งมีค่าเฉลี่ยทั้งหมดอยู่ที่ 0.20 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม พบปริมาณเฉลี่ยในปาท่องโก๋จิ๋วแบบกรอบ ปาท่องโก๋แบบคู่และปาท่องโก๋แบรนด์ เท่ากับ 0.31, 0.09 และ 0.05 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับ
“จากการสุ่มตรวจปาท่องโก๋ที่จำหน่ายในเขตพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล มีความปลอดภัย ไม่พบการปนเปื้อนบอร์แรกซ์ ไม่พบสารโพลาร์ในปาท่องโก๋จากการใช้น้ำมันทอดซ้ำ และตรวจพบอะคริลาไมด์ในปริมาณที่พบได้ในอาหารทอดทั่วไป ยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย”
อย่างไรก็ตาม สำหรับปาท่องโก๋ที่ใช้สูตรผสมแอมโมเนียมไบคาร์บอเนตนั้น หากใช้ในปริมาณพอเหมาะ เมื่อนำไปทอดผ่านความร้อนสารนี้ก็จะระเหยออกไปหมด โดยไม่ส่งกลิ่นทิ้งไว้ในปาท่องโก๋และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
“กรณีที่ใช้ในปริมาณมากเกินไป ไอระเหยอาจจะทำให้ผู้ทอดเกิดอาการระคายเคืองในลําคอ จึงควรหลีกเลี่ยงการสูดดมแก๊สแอมโมเนียที่ระเหยออกมา”
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย ไม่ควรรับประทานปาท่องโก๋ต่อเนื่องติดกันเป็นประจำทุกวัน ในกรณีที่รับประทานปาท่องโก๋เป็นอาหารเช้า ควรหาอาหารที่มีโปรตีน เช่น ไข่ดาวหรือไข่ต้ม เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานโปรตีนจากอาหารอื่นเพิ่มเติมไปด้วย
นอกจากนี้ ก่อนซื้อปาท่องโก๋ ให้สังเกตน้ำมันในกระทะที่ใช้ทอด หากเห็นว่าน้ำมันเป็นสีดำเข้ม ควรเปลี่ยนไปเลือกซื้อเจ้าอื่นแทน