เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ริชาร์ด เอส เออร์ลิช
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ WWW.asiatimes.com)
US expats plead for vaccine help in viral Thailand
by Richard S Ehrlich
29/05/2021
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯในกรุงเทพฯ รวมทั้งทำเนียบขาวทำหูทวนลม ไม่รับฟังเสียงร้องขอวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของคนอเมริกันซึ่งพำนักอยู่ในต่างแดน ขณะที่จีนเดินหน้าจัดฉีดวัคซีนให้แก่พลเมืองของตนที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย
กรุงเทพฯ – ปรากฏการณ์ที่หาได้ยาก มีบางคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งที่อยู่ในพวกกองเชียร์ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างกระตือรือร้น และในฝ่ายที่ปักใจกับ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีอเมริกันคนก่อน เวลานี้ได้หันมาจับมือรวมพลังกันเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่ชาวอเมริกันทั้งหมดซึ่งพำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย เพื่อสร้างแบบอย่างในเรื่องการให้ความช่วยเหลืออันสำคัญอย่างยิ่งนี้แก่พลเมืองที่อยู่ต่างแดน แทนที่จะดำเนินนโยบายซึ่งเป็นการกีดกันพวกเขาอย่างที่กำลังเป็นอยู่
“ไบเดนเพิ่งประกาศต่อสาธารณชนว่า ชาวอเมริกันทุกๆ คนเวลานี้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้แล้ว ทว่าทั้งรัฐบาลและกระทรวง (การต่างประเทศ) ดูเหมือนจะหลงลืมพวกเรา ชาวอเมริกันที่กำลังพำนักอาศัยอยู่ในต่างประเทศ” พอล ริสลีย์ (Paul Risley) ประธานของกลุ่ม “ชาวเดโมแครตต่างแดนในประเทศไทย” (Democrats Abroad in Thailand) แถลง
“พวกเราเป็นอะไรล่ะ เป็นพวกคนที่ไม่มีความหมายความสำคัญเลยใช่ไหม?”
“นี่เป็นวัคซีน ซึ่งเสนอฉีดให้ฟรีๆ เลยแก่ทุกๆ คนในสหรัฐฯ โดยที่วัคซีนเหล่านี้ส่วนใหญ่ที่สุดก็ผลิตออกมาด้วยเงินดอลลาร์ของผู้เสียภาษีนั่นแหละ”
มีชาวอเมริกันที่อยู่ต่างแดนบางคนวางแผน “จะบินกลับไปสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการเดินทางที่มีความเสี่ยงว่าอาจจะนำเอาไวรัสกลายพันธุ์กลับไปสหรัฐฯก็ได้” ริสลีย์ บอก
ทั้งนี้สำหรับคนอเมริกันที่เดินทางไปจากกรุงเทพฯ พวกเขาอาจจะต้องพำนักอยู่ในสหรัฐฯเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนทีเดียว เพื่อฉีดวัคซีนที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ได้ จนครบ 2 เข็ม
“ยังมีชาวอเมริกันบางคนที่อาจจะแก่เกินกว่าจะบินในเที่ยวบินยาวๆ ตลอดจนการตรากตรำระหว่างเดินทาง เพื่อกลับไปสหรัฐฯ” เขากล่าวต่อ
นอกจากต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเดินทางอย่างอื่นๆ แล้ว คนอเมริกันที่เพิ่งได้รับการฉีดวัคซีนสดๆ ร้อนๆ จากสหรัฐฯเหล่านี้ “ยังจะต้องจ่ายค่ากักตัวในโรงแรมตามกฎระเบียบ (ของฝ่ายไทย) เป็นเวลา 2 อาทิตย์” เมื่อกลับมายังประเทศไทย
ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคม เจน ซากี เลขานุการฝ่ายหนังสือพิมพ์ของทำเนียบขาว ได้ออกมาแถลงว่า “ในอดีตที่ผ่านมา เรา (รัฐบาลสหรัฐฯ) ไม่เคยเลยที่จะให้การดูแลสุขภาพเป็นการส่วนตัวกับชาวอเมริกันซึ่งกำลังอาศัยอยู่ในต่างแดน ดังนั้นนโยบายของเราจึงยังเป็นเช่นนี้อยู่”
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันเคยแถลงในเดือนธันวาคมปีที่แล้วว่า “ถ้าพลเมืองของสหรัฐฯคนใดคนหนึ่งต้องการที่จะเดินทางกลับสหรัฐฯ แต่ว่าไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนจำนวนมากเพียงพอสำหรับค่าตั๋วแล้ว กระทรวงการต่างประเทศสามารถที่จะเสนอให้เงินกู้ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวบินเดินทางกลับบ้านได้”
แต่ถ้าหากเราลองอ่านคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางอย่างเป็นทางการของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตรงส่วนที่เป็น “คำถาม-คำตอบ” ซึ่งเผยแพร่กันช่วงเร็วๆ นี้ มันกลับตอกย้ำให้เห็นว่า ทางกระทรวงเองก็ไม่รู้จะหาทางออกยังไงเหมือนกัน อย่างในคำถามที่ว่า:
“ถ้าพวกสายการบินเริ่มเรียกร้องให้ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนจึงจะเดินทางได้ –หรือว่ารัฐบาลสหรัฐฯเริ่มเรียกร้องให้ต้องฉีดวัคซีน หรือต้องมีผลการตรวจออกมาเป็นลบ จึงจะสามารถเข้าสหรัฐฯได้ – พลเมืองสหรัฐฯจะต้องตกระกำลำบากอยู่ในต่างประเทศหรือ? ทางกระทรวงจะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไรบ้าง?”
ปรากฏว่า กระทรวงการต่างประเทศบอกเอาไว้ในส่วนคำตอบว่า “เรารบเร้าเรียกร้องพลเมืองสหรัฐฯที่กำลังเดินทางอยู่ หรือผู้ที่พำนักอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ให้จัดเตรียมจัดดำเนินการต่างๆ ของพวกเขาเองขึ้นมา ในส่วนที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาทางการแพทย์ของพวกเขา”
สำนักข่าวรอยเตอร์เคยรายงานเมื่อวันที่ 16 เมษายนว่า กระทรวงการต่างประเทศแถลงว่าได้จัดส่งวัคซีนไปให้แก่สถานเอกอัครราชทูตอเมริกันและสถานกงสุลอเมริกันรวม 220 แห่งทั่วโลก เพื่อใช้ฉีดแก่เหล่านักการทูตตลอดจนลูกจ้างคนอื่นๆ ของพวกเขา
ทางกลุ่ม “ชาวเดโมแครตต่างแดนในประเทศไทย” ได้กระทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือลงนามในหนังสือร้องเรียนร่วมกับกลุ่ม “ชาวรีพับลิกันโพ้นทะเลในประเทศไทย” (Republicans Overseas Thailand) ซึ่งเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของพวกเขา ตลอดจนกลุ่มองค์กรอื่นๆ อย่าง กลุ่มทหารผ่านศึกสงครามในต่างประเทศ หน่วย 12074 (Veterans of Foreign Wars Post 12074), และสโมสรสตรีอเมริกันแห่งประเทศไทย (American Women’s Club of Thailand) เพื่อส่งไปถึงรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม
หนังสือฉบับนี้เสนอแนะให้ใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่นำร่อง ในเรื่องการจัดฉีดวัคซีนให้แก่ชาวอเมริกันซึ่งอยู่ในต่างประเทศในตลอดทั่วโลก
“โปรดเติมเต็มคำมั่นสัญญาที่ประธานาธิบดีไบเดนให้ไว้ ในเรื่องจะทำให้วัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาไปถึงชาวอเมริกันทุกๆ คน” หนังสือฉบับนี้เขียนเอาไว้ในตอนหนึ่ง
ประมาณการกันว่ามีพลเมืองเอกชนชาวอเมริกันจำนวน 9 ล้านคนซึ่งไม่ได้พำนักอยู่ในสหรัฐฯ ในจำนวนนี้หลายหมื่นคนทีเดียวอาศัยในประเทศไทย
ผู้คนเหล่านี้จำนวนมากเป็นผู้เสียภาษีให้สหรัฐฯ, ใช้สิทธิในการเลือกตั้งต่างๆ ของสหรัฐฯ และกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดภูมิลำเนาที่อเมริกาของพวกเขาอยู่บ่อยครั้ง
“ในกรณีที่พิเศษมากๆ นี้ พวกเราทุกๆ คนต่างก็อยู่บนเรือลำเดียวกัน” โทนี รอดริเกซ (Tony Rodriguez) รองประธานของกลุ่ม “ชาวรีพับลิกันโพ้นทะเลในประเทศไทย” บอกกับ “เสียงอเมริกา (Voice of America หรือ VOA) เครือข่ายสถานีวิทยุกระจายเสียงของรัฐบาลสหรัฐฯ
“เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า ในอเมริกานั้นมีวัคซีนอยู่มากมาย ก็แค่ขนมันมาไว้ที่เครื่องบินสักลำนึง แล้วก็บินเอาไปส่งให้ทั่วๆ” รอดริเกซ กล่าว
ชาวอเมริกันที่พำนักในต่างประเทศ กำลังเรียกร้องต้องการให้นำเอาวัคซีนของ ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา ที่ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งเห็นกันว่าเป็นวัคซีนที่ดีที่สุด มากระจายแจกจ่ายให้แก่พวกเขาโดยผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในกรุงเทพฯ และสถานกงสุลใหญ่ในเชียงใหม่ เมืองสำคัญทางภาคเหนือของไทย
ศูนย์เพื่อการควบคุมและการป้องกันโรคของสหรัฐฯ (US Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC) หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯซึ่งทำหน้าที่สู้รบปรบมือกับพวกโรคติดเชื้อนั้น มีสถานที่ดำเนินงานนอกประเทศแห่งใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ในกรุงเทพฯอยู่แล้ว
เวลาเดียวกัน คนอเมริกันที่พำนักในต่างประเทศตลอดจนคนไทยบางราย ยังรู้สึกอิจฉาการที่จีนกำลังเดินหน้าโครงการแบบทุ่มสุดๆ ในการฉีดวัคซีนแบบจัดเต็มให้แก่พลเมืองจีนซึ่งปัจจุบันพำนักอยูในประเทศไทยตลอดจนที่อื่นๆ –นี่ช่างตรงกันข้ามกับประดารัฐบาลต่างประเทศอื่นๆ แทบจะเรียกได้ว่าทุกๆ ราย ซึ่งปฏิบัติต่อพลเมืองของตนที่พำนักในต่างแดนแบบไม่มีความเอื้ออารีเลยในเรื่องโควิด-19 ที่กำลังระบาดออกไปอย่างกว้างขวาง
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในไทยจากการระบาดใหญ่คราวนี้โดยรวมอยู่ในระดับเกือบๆ 1,000 คน (หมายถึง ณ วันที่ 29 พ.ค. -ผู้แปล) แล้ว กรุงทพฯก็บอกให้ชาวต่างประเทศทั้งหลายรอไปก่อน
“กระทรวงสาธารณสุขวางแผนจะฉีดวัคซีนให้คนไทยก่อนเป็นอันดับแรก” ผู้อำนวยการสำนักอนามัยของกรุงเทพมหานคร ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ แถลงเอาไว้เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม
“เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อฉีดวัคซีนให้คนไทยได้ภายในระยะเวลา 2 เดือน นั่นคือเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม แล้วจากนั้นก็จะพยายามเปิดให้ผู้พำนักอาศัยที่เป็นชาวต่างประเทศจดทะเบียนขอฉีดวัคซีนได้ในเดือนสิงหาคม
แต่สำหรับ ริสลีย์ ประธานของกลุ่ม “ชาวเดโมแครตต่างแดนในประเทศไทย” เขากำลังพยายามรณรงค์อย่างหนัก เขาบอกกับวิทยุเสียงอเมริกาภาคภาษาไทยว่า “ชาวอเมริกันที่พำนักอาศัยในต่างประเทศจำเป็นที่จะได้รับการฉีดวัคซีน ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกับที่ชาวอเมริกันซึ่งพำนักอาศัยในสหรัฐฯจำเป็นที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนนั่นแหละ”
“มันเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะหยุดยั้งโควิด-19 ได้”
ริชาร์ด เอส เออร์ลิช เป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศชาวอเมริกันซึ่งใช้กรุงเทพฯเป็นฐาน และรายงานข่าวจากเอเชียมาตั้งแต่ปี 1978 ทั้งนี้เนื้อความบางส่วนจากหนังสือเล่มใหม่ของเขาเรื่อง “Rituals. Killers. Wars. & Sex. — Tibet, India, Nepal, Laos, Vietnam, Afghanistan, Sri Lanka & New York” สามารถติดตามอ่านได้ที่ https://asia-correspondent.tumblr.com/