กระทรวงมหาดไทยได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่าได้เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และเมืองพัทยาแล้ว รวมทั้งได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อใช้จ่ายในการเลือกตั้งดังกล่าวแล้วเช่นเดียวกัน
สำหรับ กกต. ก็ได้แถลงในทำนองเดียวกันว่าได้เตรียมการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และเมืองพัทยาไว้พร้อมแล้ว รอกำหนดการเลือกตั้งจากรัฐบาล ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่จะต้องกำหนดให้มีการจัดการเลือกตั้ง
ความจริงการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้นเป็นไปตามอัตโนมัติตามที่กฎหมายว่าด้วยการปกครองท้องถิ่นได้ระบุไว้ โดยสรุปก็คือเมื่อวาระการดำรงตำแหน่งของผู้ว่าฯกทม. และเมืองพัทยาสิ้นสุดลงก็ต้องจัดการเลือกตั้งตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งปฏิบัติเช่นนี้มานานนักหนาแล้ว ไม่ได้มีปัญหาใดๆ
ครั้นมีการรัฐประหาร 2557 ก็มีการแก้ไขในเรื่องนี้ โดยรวบอำนาจการกำหนดการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมดให้เป็นอำนาจของ คสช. ที่จะกำหนด และถ้าเมื่อ คสช. สิ้นสุดลงก็ให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี
ในระหว่างที่มี คสช. ก็อ้างว่าบ้านเมืองไม่เป็นปกติ จึงไม่กำหนดการเลือกตั้ง และให้ผู้บริหารเดิมรักษาการต่อไป ทำให้ผู้บริหารเหล่านั้นครองอำนาจหลังจากหมดวาระตามที่กฎหมายบัญญัติมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ ซึ่งต้องถือว่าเป็นการผิดหลักกฎหมายปกครองท้องถิ่นที่ให้อำนาจประชาชนในท้องถิ่นในการเลือกผู้บริหาร และสภาท้องถิ่นนั้น
เพราะเหตุนี้การบริหารท้องถิ่นทั่วประเทศจึงมีลักษณะวิปริตผันแปรไป เกิดกรณีการทุจริตในโครงการและเรื่องราวต่างๆ ล้นหลาม จน ป.ป.ช. ต้องชี้มูลความผิดเดือนละหลายครั้ง และศาลได้พิพากษาจำคุกหรือลงโทษผู้กระทำความผิดให้ประชาชนได้รู้ได้เห็นกันทุกเดือนเดือนละหลายคดี
เป็นเหตุให้บัญชีทรัพย์สินของผู้บริหารองค์กรท้องถิ่นเหล่านั้นมียอดจำนวนสูงมาก จากชาวบ้านธรรมดาในท้องถิ่นก็มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นนับร้อยล้านหรือหลายร้อยล้าน จนเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของคนไทยทั้งประเทศ
ที่น่าแปลกก็คือไม่มีการตรวจสอบการได้มาซึ่งทรัพย์สินเหล่านั้นว่าได้มาโดยชอบและได้เสียภาษีถูกต้องแล้วหรือไม่ ซึ่งถ้าดำเนินการเรื่องนี้ก็อาจยึดทรัพย์ของผู้ทุจริตเข้าคลังหลวงได้จำนวนมาก
แม้เมื่อ คสช. สิ้นสุดลงแล้ว คณะรัฐมนตรีก็มิได้กำหนดการเลือกตั้งท้องถิ่นให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการปกครองท้องถิ่น จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปหลายปีจึงค่อยๆ ทยอยกำหนดให้มีการเลือกตั้ง อบจ. และ อบต. ทั่วประเทศ ซึ่งก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้โดยเรียบร้อย ไม่ได้มีปัญหาข้อขัดข้องใดๆ
คงเหลืออยู่ก็เฉพาะกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา ซึ่งก็เป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นชนิดพิเศษในหลายด้านรวมทั้งการเมืองด้วย ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องในผลประโยชน์ดังกล่าวจึงพยายามยื้อยืดถ่วงการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งมีความผิดทั้งทางการเมืองและทางอาญา
แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปประชาชนทั่วไปก็อดทนไม่ไหว แม้พรรคการเมืองต่างๆ ก็ไม่ยอมทนอีกต่อไป จึงเกิดการเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีรีบจัดการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาให้เร็วที่สุด
มีการแถลงว่าถ้าไม่ดำเนินการก็จะมีการดำเนินคดี ซึ่งย่อมหมายความว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิ์ที่จะฟ้องคดีต่อศาลขอให้ศาลมีคำสั่งให้คณะรัฐมนตรีกำหนดการเลือกตั้ง ถ้าหากคณะรัฐมนตรีไม่สั่งก็ให้ถือคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงแทนมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งอาจดำเนินคดีอาญาต่อศาลอาญาคดีทุจริตได้ด้วย
แม้กระทั่งอาจร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ถอดถอนคณะรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง
ซึ่งพรรคการเมืองบางพรรคกำลังเตรียมการดำเนินการเรื่องนี้อยู่
ครั้นเสียงเรียกร้องให้รีบจัดการเลือกตั้งกระหึ่มมากขึ้นจึงมีการลดหย่อนเวลาลง และจะให้มีการเลือกตั้งก่อนกลางปี 2565
แม้กระนั้น ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและพรรคการเมืองต่างๆ ก็ได้แสดงท่าทีไม่ยินยอมให้ยืดเวลาการเลือกตั้งไปถึงปานนั้น
ด้วยเหตุเหล่านี้จึงทำให้กระทรวงมหาดไทยและ กกต. จำเป็นต้องเตรียมการเลือกตั้งให้พร้อมไว้ทุกเมื่อ ดังที่ได้แถลงให้ทราบโดยทั่วกันนั้นแล้ว
สภาพเช่นนี้ก็พอจะคาดหมายได้ว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และเมืองพัทยาจะไม่สามารถถ่วงยื้อไว้ได้อีกต่อไป และคณะรัฐมนตรีคงจะต้องพิจารณากำหนดวันเลือกตั้งโดยเร็วซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการกำหนดการเลือกตั้งเมื่อใด

