ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แจง ห้องน้ำออกแบบตามมาตรฐานสากล คนตัวใหญ่กว่า “เพนกวิน” ก็นั่งส้วมได้ อัด ทนายกลุ่มราษฎรต้องรู้มารยาท เตือน ทำเรือนจำเสียหายเจอดำเนินคดี
พุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 22.15 น.
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้ครบกำหนดระยะเวลา 14 วันที่ต้องกักตัว 4 แกนนำกลุ่มราษฎร ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มราษฎร์ ในข้อหาร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย.63 ในห้องกักโรคที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้ว และได้ย้ายผู้ต้องขังมาควบคุมที่แดนหนึ่ง เพื่อรอแยกแดนตามรอบ ซึ่งผู้ต้องหาแต่ละคนจะมีสามารถในการปรับตัวแตกต่างกัน ที่ผ่านมาพบว่าข้าราชการหรือนักการเมืองบางคนที่เคยใช้ชีวิตสุขสบาย แต่เมื่อต้องมาติดคุกก็ไม่สามารถปรับตัวได้ ส่วนเรื่องอาหารทางเรือนจำมีเมนูอาหารให้กับผู้ต้องขังได้หลากหลายเมนู นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ญาติสามารถไลน์สั่งซื้ออาหารหรือสิ่งของจากร้านค้าสวัสดิการของเรือนจำฝากให้ผู้ต้องขังได้ เช่น ไก่ต้มน้ำปลา เค้กวันเกิด ซึ่งมีจัดทำที่โรงเบเกอรี่ของทางเรือนจำ
นายกฤช กล่าวอีกว่า กรณีที่โลกโซเชียลโพสต์เผยแพร่บันทึกของทนายของแกนนำกลุ่มราษฎร โดยระบุว่า นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน มีน้ำหนักตัวมาก ทำให้ใช้ห้องน้ำลำบากนั้น ขอชี้แจงว่าห้องน้ำในเรือนจำออกแบบและจัดสร้างจากกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยคำนึงถึงการใช้งานได้กับทุกคนเช่นเดียวกับเก้าอี้บนเครื่องบินที่คนตัวใหญ่ก็ต้องนั่งได้ อีกทั้งเรือนจำเคยรับตัวผู้ต้องขังที่มีขนาดตัวใหญ่กว่านายพริษฐ์ ก็สามารถใช้ห้องน้ำได้ตามปกติ ทั้งนี้ เรือนจำมีหน่วยงานภายนอกหลายแห่งเข้ามาตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
เมื่อถามว่า นายอานนท์ ได้แจ้งผ่านไปยังทนายว่าจะต่อสู้อยู่ข้างในเรือนจำนั้น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า หากเป็นการต่อสู้ทางคดีสามารถทำได้เต็มที่ ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีการโพสต์ข้อความลงในสื่อออนไลน์ และอ้างว่าเจ้าตัวโพสต์ข้อความเองจากเรือนจำ หรือมีการกระทำใดที่ทำให้เรือนจำเสียหายก็จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย ทนายความมีหน้าที่รับผิดชอบคดี หากจะช่วยทำอะไรให้ผู้ต้องขังก็ต้องพิจารณาด้วยว่า ในฐานะทนายทำได้หรือไม่ และเป็นมารยาทของทนายหรือไม่
รายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์แจ้งว่า กรมราชทัณฑ์ได้ประกาศผ่อนปรนเปิดให้ญาติผู้ต้องขังเข้าเยี่ยมที่เรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ ยกเว้น 5 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงสูงที่จะต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง คือ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปทุมธานี และนนทบุรี โดยญาติจะต้องลงทะเบียนจองเยี่ยมล่วงหน้าทางออนไลน์ และยื่นแบบคัดกรองโควิด-19 ก่อนเข้าเยี่ยมล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน เมื่อมาถึงเรือนจำให้เช็กอินไทยชนะ และปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด.
คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
-
เห็นด้วย
20%
-
ไม่เห็นด้วย
80%