ยอดติดเชื้อเพิ่มอีก 2,631 ราย เสียชีวิต 31 ราย “ศบค.” ห่วงชายแดนสแกนแรงงานข้ามเข้าประเทศ หวั่นมีเชื้อกลายพันธุ์ สั่ง จว.ตั้ง คกก.บูรณาการลุยตรวจโรงงาน หลังพบหลายแห่งยังหย่อนยานมาตรการ สธ. จับตา 2 คลัสเตอร์ใหม่เมืองกรุง “แคมป์คนงานจตุจักร-ชุมชนสวนหลวง” พร้อมระวังห้างย่านราชประสงค์ ประตูน้ำ “ทบ.” เพิ่มรางวัลหน่วยสกัดข้ามชายแดน “สมุทรปราการ-เพชรบุรี” ยังพุ่งแตะ 200 คน
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,631 ราย ติดเชื้อในประเทศ 2,391 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,306 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 1,085 ราย อยู่ในเรือนจำและสถานที่ต้องขัง 189 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 51 ราย ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 171,979 ราย ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 2,493 ราย ยอดผู้หายป่วยสะสม 120,697 ราย อยู่ระหว่างรักษา 50,105 ราย อาการหนัก 1,182ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 376 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 31 ราย เป็นชาย 16 ราย หญิง 15 ราย แบ่งเป็นใน กทม. 20 ราย, สมุทรปราการ 4 ราย, เชียงใหม่ 2 ราย, กำแพงเพชร จันทบุรี นครปฐม ร้อยเอ็ด อุทัยธานี จังหวัดละ 1 ราย โดยผู้เสียชีวิตอายุน้อยสุด 17 ปี มากสุดอายุ 97 ปี ทำให้มียอดเสียชีวิตสะสม 1,177 ราย ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 172,893,624 ราย เสียชีวิต 3,716,615 ราย
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ พบว่ามี 1 รายเดินทางมาทางเรือที่ อ.แม่สอด ชายแดนเมียนมา และทางกัมพูชา 11 รายที่เป็นนักพนันแอดมินออนไลน์ ศบค.จึงเน้นย้ำให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบกลุ่มคนเหล่านี้ว่าเข้าไปยังกัมพูชาผิดกฎหมายด้วยหรือไม่ มีการดูแลโดยนายจ้างและเขาเหล่านี้ไปทำงานในกาสิโนใดๆ หรือไม่ เพื่อที่จะได้วางแผนรับมือเหมาะสม รวมถึงขอให้ประชาชนร่วมตรวจสอบการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายด้วย เพราะหากคนเหล่านี้มีเชื้อกลายพันธุ์ ก็จะทำให้เราไม่ปลอดภัย ขณะที่ยอดผู้เดินทางเข้าประเทศในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นมีจำนวน 217 ราย
สำหรับ 5 จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อมากสุด ได้แก่ กทม. 824 ราย, ปทุมธานี 460 ราย, สมุทรปราการ 202 ราย, เพชรบุรี 198 ราย, นนทบุรี 153 ราย และในการประชุมศูนย์บูรณาการแก้ไขโควิด-19 ใน กทม.และปริมณฑล ซึ่งรองผู้ว่าฯ จังหวัดปริมณฑลเข้าร่วมประชุมนั้น ได้มีการรายงานของแต่ละพื้นที่ เช่น รองผู้ว่าฯ ปทุมธานี ระบุการแพร่ระบาดใน จ.ปทุมธานี ยังอยู่ที่บริษัทชำแหละไก่พื้นที่ลำลูกกา การลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกสัปดาห์ที่ผ่านมา 1,626 ราย พบ 729 รายติดเชื้อ ทำให้ยอดสะสมการตรวจเชิงรุกในพื้นที่ดังกล่าว 2,073 ราย มีผู้ติดเชื้อ 854 ราย ในส่วนของ จ.สมุทรปราการ ยังเฝ้าระวังอยู่ที่โรงงานฟอกหนัง มีการตรวจเชิงรุกไป 415 ราย ผลบวก 27 ราย ขณะที่ จ.เพชรบุรี ยังคงเฝ้าจับตาโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ขณะนี้มีการกระจายผู้ติดเชื้อไปถึง 11 จังหวัด
สั่งจว.ตั้งคกก.ตรวจโรงงาน
“ที่ประชุมโดยกรมควบคุมโรคเป็นห่วงการติดเชื้อในโรงงาน เนื่องจากการสอบสวนโรคพบสภาพแวดล้อมแออัด คนงานยังใช้ชีวิตร่วมกัน ใช้แก้วด้วยกัน คล้ายกับในแคมป์คนงาน พบเชื้อโควิดบริเวณตู้กดน้ำ บางคนสูบบุหรี่มวนเดียวกัน และแม้สถานบริการผับบาร์ปิดไปแล้ว แต่คนงานสังสรรค์กันเองในโรงงาน หรือแม้แต่ห้องเปลี่ยนชุดก็มีลักษณะคับแคบ เหล่านี้เป็นปัจจัยแพร่ระบาด ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กจะมีหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการที่บูรณาการร่วมกัน ทั้งกระทรวงแรงงาน สภาอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย สาธารณสุขจังหวัด เพื่อสุ่มตรวจ หากพบเชื้อต้องมีมาตรการดูแลแยกกักให้เหมาะสม โดยนโยบายเน้นให้โรงงานต่างๆ ยังสามารถประกอบกิจการได้ อาจปิดทำความสะอาด 1-3 วัน และทบทวนมาตรการจัดการให้เขาสามารถดูแลการแพร่ระบาดระหว่างบุคคลและไม่ให้ระบาดไปยังชุมชน ต้องให้โรงงานเหล่านี้ร่วมมือกับมาตรการต่างๆ” พญ.อภิสมัยกล่าว
ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าวว่า ในส่วนกทม.มี 2 คลัสเตอร์ใหม่ คือแคมป์คนงานเขตจตุจักรและชุมชนเขตสวนหลวง รวมคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวัง 57 คลัสเตอร์ 32 เขต โดยวันนี้ที่ กทม.เน้นย้ำคือชุมชนสะพานหัวช้าง ซอยเพชรบุรี 18 กรมควบคุมโรครายงานการตรวจวันที่ 29 พ.ค. จุดตรวจสยามสแควร์ ตรวจเชิงรุกไป 734 ราย พบผู้ติดเชื้อ 54 ราย ถือว่าสูง ตอนนี้ กทม.จึงเฝ้าระวังห้างสรรพสินค้าย่านราชประสงค์ ประตูน้ำ รวมถึงในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นขอให้ประชาชนติดตามรายงานความคืบหน้าจาก กทม. เช่นเดียวกับเขตบางกะปิที่มีความหนาแน่น มีห้างสรรพสินค้าและชุมชน แคมป์ก่อสร้าง
“แม้จะมีการติดเชื้อในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เช่น โฮมโปรในเขตลาดพร้าว แม้มีผู้ติดเชื้อไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่อยู่ในสถานที่นั้นจะเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และอยากเน้นย้ำไปถึงผู้ที่ได้ตรวจคัดกรองเชิงรุกในเขตลาดพร้าวเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. หากประชาชนยังไม่ทราบผล ขอให้งดการเดินทางและแยกกักตัว อย่าเข้าใกล้บุคคลในครอบครัว เพราะระหว่างรอผลยังถือว่ามีความเสี่ยง โดย กทม.ยังคงเน้นการเฝ้าระวังตลาด ชุมชน แคมป์คนงาน” ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะรอง ผอ.ศบค.กทม. เป็นประธานการซักซ้อมแผนบูรณาการปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของ กทม. เพื่อเฝ้าระวังตลาด ชุมชน และแคมป์ก่อสร้าง มีนางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัด กทม. พร้อมรองปลัด กทม.และผู้บริหารเขต 50 เขต รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมผ่านระบบประชุมทางไกล
พล.ต.ท.โสภณกล่าวว่า การซักซ้อมแผนการบูรณาการฯ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันในการจัดทำแผนเฝ้าระวังตลาด ชุมชน และแคมป์ก่อสร้าง และแนวทางการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งจะดำเนินการในระดับเขต และบริหารจัดการในรูปแบบกลุ่มเขต โดยสำนักงานเขตพื้นที่และศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. จะบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในการปฏิบัติงาน
ปากน้ำพุ่งเพิ่มอีก 200 คน
วันเดียวกัน พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก แถลงผลประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ตอนหนึ่งว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรับทหารใหม่ผลัดที่ 1/64 ที่จะเข้าประจำการในเดือน ก.ค.นี้ ได้เตรียมพร้อมตามมาตรการต่างๆ ทั้งด้านงานธุรการ กำลังพล ชุดครูฝึก สถานที่ สิ่งอุปกรณ์ การป้องกันโรค ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางที่กองทัพบกได้กำหนดไว้ เพื่อการดูแลทหารกองประจำการตามมาตรฐานอย่างดีที่สุด
ส่วน พ.ต.หญิงปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ผบ.ทบ.ได้สั่งการเพิ่มเติมให้มีการมอบรางวัลหน่วยที่มีผลสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายดีเด่นใน 1 เม.ย- 31 พ.ค.64 จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ กองกำลังสุรสีห์จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและผู้นำพา 50 ครั้ง รวม 723 คน และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 กองกำลังนเรศวร จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและผู้นำพา 227 ครั้ง รวม 852 คน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับหน่วยและกำลังพลที่ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ สามารถแก้ปัญหายาเสพติดและการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังโควิด-19
ด้านนายใจพิชญ์ สุขุมาลจันทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตปทุมวัน และนางสาวทัดดาว ตั้งตรงเจริญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตราชเทวี พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนไร้บ้านที่ตกสำรวจจากการเข้าถึงการรักษาพยาบาล อย่าทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นคลัสเตอร์เงียบที่รอกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ในอนาคต
ที่ศูนย์การค้าเอ็มบีเคเซ็นเตอร์ เขตปทุมวัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ.,พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดกิจกรรมเผยแพร่องค์ความรู้การส่งเสริมสุขภาพด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยในภาวะวิกฤติทางการแพทย์และสาธารณสุข ครั้งที่ 1 “สมุนไพรไทย ทลายโรค ทลายโควิด” ระหว่างวันที่ 2-14 มิ.ย.
เพื่อใช้เป็นยาทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยโควิด หลังพบสมุนไพรฟ้าทะลายโจร มีผลยับยั้งเชื้อไวรัส และมีฤทธิ์ต้านการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส หากนำมาใช้ร่วมรักษากับการแพทย์แผนปัจจุบันในผู้ป่วยโรคโควิดที่มีระดับความรุนแรงน้อยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้นตามลำดับ และแทบไม่พบผลข้างเคียง
จ.สมุทรปราการ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการรายงานว่า วันนี้จังหวัดสมุทรปราการพบผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 202 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อสะสม 8,172 ราย ทั้งนี้ผู้ป่วยรายใหม่แบ่งเป็นคนในพื้นที่ จำนวน 196 ราย และรับมารักษาต่อในจังหวัดสมุทรปราการ 6 ราย สำหรับผู้ป่วยในพื้นที่ แบ่งออกตามอำเภอดังนี้ อ.เมืองฯ 169 ราย, อ.พระประแดง 19 ราย, อ.บางพลี 5 ราย, อ.พระสมุทรเจดีย์ 2 ราย, อ.บางเสาธง 1 ราย สำหรับเสียชีวิต 4 ราย
จ.เพชรบุรี สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีรายงานสถานการณ์โควิด-9 ระบุว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 198 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-4 มิ.ย.ทั้งสิ้น 6,939 ราย เสียชีวิต 7 ราย
จ.สงขลา นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าฯ สงขลา ระบุพบผู้ป่วยรายใหม่ 47 ราย มาจากคลัสเตอร์งานฉลองตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) บางแห่ง ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในครอบครัวกว่า 20 ราย นอกจากนั้น มาจากกลุ่มสัมผัสผู้ติดเชื้อในพื้นที่เสี่ยง ค้นหาเชิงรุกในโรงงาน (แรงงานเมียนมา) กลุ่มรอการสอบสวนโรค รวมยอดสะสม 1,871 ราย เสียชีวิต 9 คน.