เผยแพร่:
ปรับปรุง:
โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม
MGR Online – ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าเยี่ยม “เพนกวิน-อานนท์-สมยศ-หมอลำแบงค์” ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พร้อมยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว
วันนี้ (15 ก.พ.) เวลา 09.30 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางเข้าเยี่ยม นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ “เพนกวิน” , นายอานนท์ นำภา , นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม “หมอลำแบงค์” แกนนำกลุ่มราษฎร หลังศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี จากกรณีการชุมนุม ม.ธรรมศาสตร์-สนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.63
นายกฤษฎางค์ เปิดเผยว่า แกนนำทั้ง 4 คน เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยวันนี้ทีมทนายความเข้าเยี่ยมเพื่อปรึกษาหารือกับแกนนำทั้ง 4 ในเรื่องรูปคดี และแนวทางการขอยื่นประกันตัวเพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวของศาลอุทธรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลปฎิเสธคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ว่าหลังจากนี้แกนนำทั้ง 4 จะต่อสู้อย่างไรต่อไป เพราะสถานการณ์ภายนอกเรือนจำยังมีการไล่จับผู้ชุมนุม และแกนนำอีกหลายคนก็กำลังจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา จึงอยากให้แกนนำตัดสินใจว่ามีความคิดเห็นอย่างไรเพราะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญหลายๆ เรื่อง เมื่อเข้าเยี่ยมเสร็จจะออกมาเปิดเผยถึงผลการพูดคุยอีกครั้ง รวมถึงมีข้อความที่จะฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
ต่อมา เวลา 10.00 น. ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ รองคณบดี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมกับคณะอาจารย์และนักวิชาการ รวมถึง ตัวแทนกลุ่มองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , สภานักศึกษามหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินทางมาเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าเยี่ยมพร้อมกับนำหนังสือและเอกสารการเรียน มามอบให้แก่ นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ เพื่อใช้อ่านระหว่างถูกจองจำ
ผศ.ดร.ประจักษ์ ได้อ่านแถลงการณ์คณาจารย์ 255 รายชื่อ 31 สถาบัน ขอให้ศาลคืนสิทธิในการได้รับการประกันตัวระหว่างถูกดำเนินคดีแก่ผู้ถูกสั่งฟ้องจากการชุมนุม ว่า “สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวแกนนำของการชุมนุม ในวันที่ 19-20 ก.ย.63 รวม 4 คน ได้แก่ นายอานนท์ นำภา , นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน , นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม แกนนำกลุ่มราษฎร โดยให้เหตุผลว่า “หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก” จึงขอให้ศาลได้พิจารณาทบทวนคำสั่งไม่ให้ประกันตัว ด้วยเหตุผลดังนี้ 1.ให้ศาลยึดหลัก “การสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด” ตามหลักการทางกฎหมายพื้นฐาน ซึ่งคำสั่งไม่ให้ประกันตัวบนการวินิจฉัยว่าจำเลยอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหา จึงเสมือนการตัดสินล่วงหน้าว่าการกระทำของผู้ถูกสั่งฟ้องเป็นการกระทำผิด ทั้งๆ ที่กระบวนการไต่สวนยังไม่ได้เริ่มต้นและยังไม่มีคำพิพากษา
2.การไม่ให้ประกันตัวในระหว่างถูกดำเนินคดี ถ้าภายหลังศาลมีคำพิพากษาว่าผู้ถูกสั่งฟ้องไม่ได้กระทำความผิด สิทธิและเสรีภาพที่ถูกพรากไปจากการถูกจองจำระหว่างดำเนินคดีก็ไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ โดยเฉพาะ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ซึ่งเป็นนักศึกษา ถือเป็นการลิดรอนสิทธิในการศึกษาไปด้วย 3.การฟ้องร้องดำเนินคดีที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ต่อผู้ชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ มีรัฐบาลเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง จึงเป็นธรรมดาที่เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้มาตรการทางกฎหมาย ในการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมอย่างเกินกว่าเหตุ ดังนั้น สถาบันตุลาการต้องรักษาความเป็นอิสระและสมดุลในการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน และ 4.การให้ประกันตัวผู้ชุมนุมในคดีการเมืองที่ผ่านมา ช่วยประคับประคองไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายได้ ตรงกันข้ามการไม่ให้ประกันตัวมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ขยายตัวรุนแรงมากขึ้น”
ผศ.ดร.ประจักษ์ กล่าวว่า ส่วนตัวมีความกังวล เนื่องจากการจองจำระหว่างพิจารณาคดีของศาล ต่างจากการฝากขังระหว่างสืบสวนสอบสวนของตำรวจ หากตำรวจสืบสวนแล้วเสร็จก็จะปล่อยตัว แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคดี หมายความว่าทั้ง 4 คนจะถูกจองจำจนกว่าการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้น ซึ่งที่ผ่านมาคดีทางการเมือง ศาลพิจารณาคดีนานถึง 5 ปี หากจำเลยไม่ได้รับประกันตัว ทั้งหมดจะถูกขังลืมยาวนานถึง 5 ปี
จากนั้น เวลา 12.30 น. นายกฤษฎางค์ กล่าวเปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมแกนนำราษฎรผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์เนื่องจากมาตรการเฝ้าระวังโควิด-19 ตามระเบียบเรือนจำ ว่า แกนนำทั้ง 4 คน มีกำลังใจดี ไม่วิตกกังวลเชื่อทำสิ่งที่ถูกต้องและคาดว่าผลสรุปอาจถูกจับ ในข้อหาตาม ม.112 , ม.116 และ ข้อหาอื่นๆ รวม 11 คดี อีกทั้ง ได้ฝากบอกมายังกลุ่มผู้ชุมนุมว่าจะเคลื่อนไหวในเรือนจำอย่างไรบ้าง นอกจากนี้พบว่า นายสมยศ มีอาการปวดตามไขข้อ ส่วน นายพริษฐ์ มีโรคประจำตัวหืดหอบ และต้องมาอยู่แออัดรวม 26 คน มีห้องน้ำเพียง 1 ห้อง ส่วนคนอื่นๆ สุขภาพแข็งแรงดี
นายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า สำหรับการต่อสู้คดีคาดไม่ต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งศาลชั้นต้นไม่อนุญาตขอปล่อยตัวชั่วคราวเพราะเกรงว่าอาจกระทำผิดซ้ำและข้อหา ม.112 มีโทษสูงสุดจำคุก 5 ปี โดย นายอานนท์ ตั้งข้อสงสัยถึงการปล่อยตัวชั่วคราวของแกนนำทั้ง 4 คนว่าทำไมคำสั่งศาลพิจารณาว่าหากปล่อยตัวเกรงจะกระทำผิดซ้ำ โดยขณะนี้ทีมทนายได้ยื่นอุทธรณ์แต่ยังไม่มีคำสั่งได้ประกันตัวหรือไม่ อีกทั้ง นายอานนท์ ฝากบอกมาว่ารู้สึกปลอดภัยที่ได้อยู่ข้างในเรือนจำเพราะเชื่อว่ามีขบวนการสั่งเก็บแต่ก็ต้องระวังตัวเนื่องจากอาจมีคนเห็นต่างอยู่รวมกัน
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ จะมีนัดหมายสั่งฟ้องอีก 24 คน โดย นายภาณุพงศ์ จาดนอก “ไมค์” , น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล “รุ้ง” และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา “ไผ่ ดาวดิน” ซึ่งอาจมีการยื่นฟ้อง ม.112 รวมอยู่ด้วย และหากศาลใช้คดีของแกนนำทั้ง 4 รายดังกล่าวเป็นบรรทัดฐาน เชื่อว่าอาจไม่ได้รับการประกันตัวเช่นเดียวกัน แต่ทุกคนก็พร้อมต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมาย
ทั้งนี้ ทางศูนย์ทนายความ เพื่อสิทธิมนุษยชน ขอเรียกร้อง 3 ประเด็น 1.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยุติการตั้งข้อกล่าวหาที่เกินจริงและไม่เป็นธรรม และปฏิบัติตามกฎหมายในการนำตัวบุคคลไปยังที่ทำการพนักงานสอบสวน ไม่ใช่ ตชด.ภ.1 และเคารพสิทธิในการเข้าถึงทนายความของผู้ถูกจับและผู้ต้องหา 2.ให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งไม่ฟ้องหรือถอนฟ้องคดีต่อผู้ที่ใช้เสรีภาพในการแสดงออกหรือเสรีภาพชุมนุมโดยสงบ คดีที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ รวมถึงคดีที่ไม่เข้าองค์ประกอบทางกฎหมายอย่างชัดแจ้ง และ 3ให้ศาลพิจารณาการปล่อยตัวชั่วคราวบนฐานหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักกฎหมายอาญา

