- เรื่องโดย สมิตานัน หยงสตาร์ ผู้สื่อข่าวพิเศษ บีบีซีไทย
- วิดิโอโดย ทัพพนัย บุญบัณฑิต ผู้สื่อข่าววิดีโอ บีบีซีไทย

ที่มาของภาพ, Tappanai Boonbandit/BBC Thai
บ้านเรือนไม้ในชุมชนมิตตาคาม 1 ซึ่งมีอยู่ราว 50 ครัวเรือน
“เราก็ปิดบ้าน เอาของสำคัญออกไป ก็ปล่อยให้บ้านท่วมก็ท่วมไป เราก็ขึ้นมาอยู่บนที่แห้งแล้วกันเนอะ เวลาที่เขาลง เราก็ลงไปใหม่”
นางมณฑา กิ่มใจเย็น ในวัย 73 ปี ชาวบ้านคนหนึ่งในชุมชนมิตตคาม 1 เขตดุสิต สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนริมน้ำที่คุ้นชินและพร้อมปรับตัวกับทุกวิกฤติ ไม่เว้นแม้แต่อุทกภัยระลอกล่าสุดที่อาจจะเกิดขึ้น
ชุมชนมิตตคามเป็น 1 ในพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วม 11 จุด ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเป็นพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วม
ภาพบ้านไม้ที่ยื่นออกริมฝั่งแม่น้ำของชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้สะพานกรุงธน ที่หลายคนเรียกว่าสะพานซังฮี้ เป็นสิ่งคุ้นตาของคนกรุงเทพฯ แต่เป็นภาพน่าตื่นตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ทว่า ช่วงหลายปีมานี้ ชาวบ้านบางส่วนที่เคยอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้เริ่มทยอยย้ายออกไป หลังมีโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงานเกิดขึ้น
ชุมชนมิตตคามเป็นหนึ่งในชุมชน 12 ชุมชน ที่ก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำ ในเขตพื้นที่นำร่องของโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 14 กม. แรก ภาพที่เห็นในเวลานี้จึงเหลือเพียงร่องรอยของเสาบ้านเดิมที่ย้ายออกไปแล้ว ชุมชนที่เคยมีอยู่กว่า 70 หลังคาเรือน ขณะนี้เหลือเพียงราว 50 ครัวเรือน
ที่มาของภาพ, Tappanai Boonbandit/BBC Thai
“ชินแล้ว ไม่กลัว”
ด้วยอยู่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำมาจากรุนสู่รุ่น และเคยผ่านประสบการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 มาแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในชุมชนเมืองหลวงแห่งนี้จึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่กังวล” กับปริมาณน้ำที่อาจจะท่วมในปีนี้
แม้ประชาชนในหลายจังหวัดทั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางต้องเผชิญกับน้ำท่วม เนื่องจากพายุเตี้ยนหมู่ที่ทำให้เกิดฝนตกหนักในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จนทำให้เกิดความกังวลกันว่าอุทกภัยจะเกิดซ้ำรอย
นายสมศักดิ์ โสภามิตร์ อายุ 64 ปี อดีตชาวบ้านชุมชนมิตตคาม 1 ซึ่งได้โยกย้ายที่อยู่มาภายในแนวคันกั้นน้ำแล้ว แต่ยังคงยึดอาชีพหาปลาอยู่บริเวณดังกล่าว เป็นอีกคนหนึ่งที่เชื่อว่า สถานการณ์น้ำในปีนี้จะยังคงไม่ร้ายแรงเท่ากับในอดีต
“ตอนปี 54 (น้ำสูงถึง) ลูกบิดประตู ท่วมเยอะที่สุด…นี้ก็คือน้อง ๆ 54 มันไม่เข้าไปท่วมข้างใน (แนวเขื่อน) หรอก มันก็ได้อยู่ขอบเขื่อนแค่นี้ ตอนปี 54 เขื่อนบางที่มันยังไม่เสร็จ”
“นี่ก็คือน้อง ๆ (น้ำท่วมปี) 54”
ชาวบ้านหลายคนรู้สึกอุ่นใจที่มีการเสริมแนวคันป้องกันน้ำท่วมขึ้นอีกราว 10 ซม.หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ครั้งก่อน
“รอด ภาวนาให้เรารอด เราก็ปิดบ้าน เอาของสำคัญออกไป ก็ปล่อยให้บ้านท่วมก็ท่วมไป เราก็ขึ้นมาอยู่บนแห้งแล้วกันเนอะ เวลาที่เขาลง เราก็ลงไปใหม่” นางมณฑา ผู้อาวุโสในชุมชนกล่าว
เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง
“ถ้าฝนมา มันจะท่วมเพราะอะไรรู้รึเปล่า ข้างในเต็ม ระบายไม่ทัน จังหวะข้างนอกน้ำสูง มันก็สูบออกไม่ทัน น้ำก็เข้าตามท่อไปได้ นั่นแหละจะท่วมหนัก ถ้าฝนตกเยอะนะ จังหวะที่น้ำทะเลหนุนขึ้นมา นั่นแหละท่วม”
นายสมศักดิ์ อธิบายปัจจัยที่ทำให้น้ำทะเลหนุนสูงอย่างผู้มีประสบการณ์ เขารู้ดีว่าน้ำหนุนเป็นสิ่งหนึ่งที่จะชี้ชะตาว่าจะเกิดน้ำท่วมในกรุงเทพฯ หรือไม่
ที่มาของภาพ, Tappanai Boonbandit/BBC Thai
ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แต่กก็คอยสังเกตการขึ้นลงของน้ำตลอดทั้งวัน
ที่ศาลานั่งพักริมน้ำของชุมชน ยังมีข้อมูลระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุดของแต่ละวันติดไว้ แม้ส่วนหนึ่งจะเพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาติดตามสถานการณ์น้ำ แต่เช้าบ้านเองก็ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้เช่นกัน
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ออกประกาศว่าการระบายน้ำที่เพิ่มมากขึ้นของเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทำให้น้ำที่ระบายจากทั้ง 2 เขื่อนไหลมารวมกันในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น ในช่วงวันที่ 7-10 ต.ค. นี้
ในช่วงวันดังกล่าว จะเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นจากเดิม 30-50 ซม. แต่ระดับน้ำจะไม่ล้นคันกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แต่อาจมีน้ำล้นเข้าท่วมในพื้นที่นอกคันกันน้ำและแนวฟันหลอบางจุด
ที่ผ่านมาบริเวณชุมชนมิตตคาม 1 ได้มีเจ้าหน้าที่มาติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อใช้ระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนที่อยู่ภายในแนวคันกั้นน้ำ
ที่มาของภาพ, Tappanai Boonbandit/BBC Thai
มีการน้ำกระสอบทรายมาเตียมจัดวาง เพื่อรอรับมือน้ำที่อาจท่วมขัง
แม้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะย้ำว่า “ไม่กลัว” กับระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น แต่ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เห็นใจคนที่ประสบอุทกภัยในต่างจังหวัดเสียมากกว่า
“ต้องลุ้นไปแต่ละวัน ไม่กังวล ปีนี้ไม่หนักหรอก ถ้าจะหนักไปต่างจังหวัด ต่างจังหวัดหนักมาก เพราะชุมชนตรงนี้มันท่วมเพราะมันมีน้ำขึ้นน้ำลง พอน้ำลงมันก็ลงไป น้ำขึ้นมันก็เอ่อขึ้นมา” นายสมศักดิ์กล่าว
เช่นเดียวกับนางมณฑา “เราอยู่อย่างนี้ (น้ำ) ขึ้น ๆ ลง ๆ เลยไม่ค่อยวิตกกังวล ก็สงสารเขา (คนต่างจังหวัด) จุดนั้น พูดกันจริง ๆ มันขังอยู่เลย ต้องลุยน้ำอะไรอันตราย รอบ ๆ มันก็เยอะ”
สถานการณ์น้ำเหนือไหลผ่านกรุงเทพฯ
วันนี้ (8 ต.ค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า น้ำเหนือไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในช่วงเช้าวันนี้ ตรวจวัดปริมาณน้ำไหลผ่าน กทม. เฉลี่ยอยู่ที่ 3,014 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองตลาดของ กทม. อยู่ที่ระดับ 1.80 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งยังต่ำกว่าระดับคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาของกรุงเทพฯอยู่ประมาณ 1.20 เมตร จึงยังไม่ได้ผลกระทบจากน้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนเจ้าพระยาและจากน้ำขึ้นเต็มที่แต่อย่างใด
ที่มาของภาพ, Tappanai Boonbandit/BBC Thai
ร่องรอบของบ้านเรือนที่ย้ายออกไปแล้วก่อนหน้านี้
โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมากรุงเทพฯ มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง และยังไม่มีรายงานจุดเร่งการระบายน้ำในถนนสายหลัก
ผู้ว่าฯ ยังคงย้ำเตือนชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา 11 ชุมชน รวม 239 ครัวเรือน ในพื้นที่ 7 เขต ให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้สิ่งที่ชาวบ้านทำได้เบื้องต้น นั่นคือการยกทรัพย์สินขึ้นที่สูงเท่าที่จะทำได้ และหลายครัวเรือนก็มีการยกกระดับพื้นขึ้นสูงเพื่อให้พ้นระดับน้ำท่วม แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องทุนทรัพย์จึงไม่ใช้ทุกหลังที่สามารถทำเช่นนี้ได้
นอกจากนี้ อีกไม่นานทุกครัวเรือนในชุมชนมิตตคาม 1 และ 2 ซึ่งเป็นชุมชนริมเจ้าพระยาที่จะต้องรื้อถอนอยู่แล้ว ชาวบ้านก็อยู่ระหว่างการรอบ้านใหม่แล้วเสร็จ หากต้องปรับปรุงบ้านเดิมเพื่อรับมือน้ำท่วมจึงดูจะไม่คุ้มค่านัก
“แถวนี้เขาไม่กลัว (น้ำท่วม) กันหรอก อยู่กันมานานจนเขาไล่แล้ว” เสียงชาวบ้านคนหนึ่ง ดังขึ้นทิ้งท้ายการสนทนา

