วันศุกร์ ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
บุกกทม.ร้องตร.
ญาติเหยื่อผับ‘เมาน์เท่น บี’
ขอโอนคดีไปให้กองปราบฯ
ญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต 33 ครอบครัวจากเหตุเพลิงไหม้ในผับเมาน์เท่น บี ชลบุรี แห่ร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอาผิดวินัย ตำรวจท้องที่ ขอโอนคดีมากองปราบฯ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 สิงหาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายรณรงค์ แก้วเพชร ทนายความ พร้อมด้วยญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 33 ครอบครัว จากเหตุเพลิงไหม้ในผับเมาน์เท่น บีจังหวัดชลบุรี ร่วมกันยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เพื่อให้เร่งรัดโอนคดีจาก สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี มาให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เนื่องจากไม่มั่นใจการทำคดีของตำรวจพื้นที่
นายรณณรงค์ เปิดเผยว่า การเรียกร้องในวันนี้เพราะรู้ว่านายสมยศ ปั้นประสงค์ เจ้าของผับ เป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ รวมทั้งการก่อสร้างผับมีเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง และเทศบาลเข้ามาเกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาต รวมทั้งตำรวจจะมีการปล่อยปละละเลยหรือไม่ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากผู้เสียหายถือว่าเป็นคู่ขัดแย้งของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังเรียกร้องให้ตำรวจเร่งรัดให้เจ้าของผับช่วยเยียวยากับผู้บาดเจ็บที่บางคนมีค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 3.8ล้านบาทแล้ว แต่ได้เงินช่วยเหลือจากเจ้าของผับเพียง2หมื่นบาทและคาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม นอกจากการขอให้โอนคดีมากองปราบปรามแล้ว ยังขอให้เอาผิดวินัยกับตำรวจที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาถึงระดับปฏิบัติการ รวมทั้งติดตามตรวจจับปิดผับเถื่อน
ขณะที่ นางเบญจมาพร คล้ายแสง แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังทำใจไม่ได้หลังจากสูญเสียลูกชายไป เพราะเป็นผู้ที่หารายได้เลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว เหตุที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวลำบาก ที่ผ่านมาเจ้าของร้านมอบเงินช่วยเหลือเพียง 5 หมื่นบาท และก็ได้โทรศัพท์มาสอบถามบ้าง แต่อยากให้เจ้าของผับมาช่วยเหลือมากกว่านี้ และขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน นางกัญญารัตน์ งามดี แม่ของผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ขณะนี้ลูกชายยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และมีบาดแผลไฟไหม้ตามร่างกายถึงร้อยละ 90 ซึ่งแพทย์บอกว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ขณะนี้ใช้สิทธิ์ประกันสังคมในการรักษา แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่ต้องจ่ายเองอีกจำนวนมาก โดยทางเจ้าของผับให้การช่วยเหลือเบื้องต้น5หมื่นบาท ซึ่งไม่เพียงพอ ส่วนก่อนหน้านี้ที่ได้รวมตัวไปร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับทำคดีนี้เป็นคดีพิเศษ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ จึงมาร้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดคดีอีกครั้ง