เมื่อกลางดึกของวันที่ 24 ก.ค.65 เวลา 23.06 น. สถานีตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเหตุจากนักท่องเทียวชาวเยอรมันชื่อ Ms. Isabel Christiani โดยบอกว่าได้ลืมกระเป๋าสัมภาระไว้บนรถแท๊กซี่ ขอให้ตำรวจท่องเที่ยวช่วยตามคืนกลับมาให้ด้วยเนื่องจากมีเอกสารสำคัญ และทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
หลังรับแจ้งพ.ต.ท.ภัทรินทร์ สุทธิภัทรธรรม สว.ส.ทท.4ฯ ได้สั่งการให้ สายตรวจตำรวจท่องเที่ยวโดย ด.ต.วิเชล เกื้อทองสั่น เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน รายละเอียดทราบว่านักท่องเที่ยวสัญชาติเยอรมัน 2 สามีภรรยาได้เรียกรถแท็กซี่ พนักงานขับรถชื่อ นายบัญญัติ เมื่อเวลา 22.00 น. โดยได้ขึ้นรถแท๊กซี่จากหน้าโรงแรมพงษ์แก้ว แยกวัดโพธาวาส เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ต่อมา Mr. Markus Miller ผู้เป็นสามีบอกว่าได้ลืมกระเป๋าใบเล็กสีดำไว้ในรถแท๊กซี่คันดังกล่าว ซึ่งในกระเป๋ามีทรัพย์สินได้แก่ กล้องถ่ายรูป,หนังสือเดินทาง,ใบอนุญาตขับขี่,บัตรเครดิต,สมุดธนาคาร และเงินสดประมาณ 120 ยูโร
โดยนักท่องเที่ยวแจ้งว่าจะเดินทางไปกรุงเทพฯ และได้จองโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาจนท.ตำรวจบนขบวนรถไฟได้โทรสอบถามไปยังคนขับรถแท็กซี่ แต่คนขับรถแท็กซี่บอกว่าตนไม่เห็นกระเป๋าดังกล่าวอยู่บนรถแต่อย่างใด จากนั้นตำรวจท่องเที่ยวได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบกับทางโรงแรม พงษ์แก้ว ซึ่งได้พบกับเจ้าหน้าที่ รปภ.ของโรงแรมและได้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกระเป๋าของนักท่องเที่ยว ชาวเยอรมันคู่นี้ กระทั่งทราบว่านักท่องเที่ยวได้มายืนรอรถแท็กซี่ที่ริมถนนปากทางเข้าโรงแรม และได้วางกระเป๋าสัมภาระไว้ที่พื้น เมื่อรถแท๊กซี่มาถึงได้ลืมกระเป๋าก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่ไปยังสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ทันที โดยทาง จนท. รปภ.ของโรงแรมเป็นคนเจอ และได้เก็บเอามาไว้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อรอเจ้าของมารับคืน
ทาง จนท.ตำรวจท่องเที่ยวได้ตรวจสอบทรัพย์สินภายในกระเป๋าสัมภาระแล้ว ปรากฏว่าทรัพย์สินที่ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวยังอยู่ครบถ้วน ทางตำรวจท่องเที่ยวจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟที่ประจำบนขบวนที่นักท่องเที่ยวเดินทาง และได้แจ้งว่าพบเจอกระเป๋าสัมภาระพร้อมทรัพย์สินอยู่ครบถ้วนทุกประการ จากนั้นได้ประสานไปยังนักท่องเที่ยวปรากฎว่าได้เดินทางไปถึง กรุงเทพฯ แล้วจะเดินทางไปพักที่โรงแรม ไอสนุก แบงค็อก บางรัก กรุงเทพมหานคร ต่อมาตำรวจท่องเที่ยวได้โทรศัพท์ประสานกับทางโรงแรม เพื่อขอที่อยู่ของและจะส่งคืนกระเป๋าสัมภาระพร้อมทรัพย์สิน ให้ทางบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนอย่างเร่งด่วน จากกรณีดังกล่าวสร้างความประทับใจให้กับสองผัวเมียนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน เป็นอย่างมาก และชื่นชมนิสัยคนไทยที่มีความซื่อสัตย์ เป็นการช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งของตำรวจท่องเที่ยวที่ทำหน้าที่รับแขกบ้าน-แขกเมือง กระทั่งประชาชนจำนวนมากได้กล่าวชื่นชมตำรวจท่องเที่ยว และให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป.
