วันที่ 22 มีนาคม 2564 เวลา 15.00 น. ร.ต.อ. ปรีชา พลซา รอง สว.(สอบสวน) สน.บางโพงพาง ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตจากการพลัดตกจากที่สูง จึงเร่งรุดจัดกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู และแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ บริเวณซอยสาธุประดิษฐ์ 34 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นลักษณะอาคารพาณิชย์ สูง 5 ชั้น พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย1 ราย ทราบชื่อต่อมาชื่อ นายสถิตย์ แสงศรีจันทร์ อายุ 52 ปี อดีตพนักงานโรงงานชุดชั้นในย่านพระราม 3 ปัจจุบันประกอบอาชีพขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง อยู่ในลักษณะนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ลักษณะการแต่งกาย สวมใส่เสื้อโปโลแขนสั้นสีเหลือง กางเกงยีนส์ขายาว สวมใส่รองเท้าผ้าใบสีดำคาดแดง สวมถุงเท้าสีดำ ภายในตัวผู้เสียชีวิต พบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง นาฬิกา 1 เรือน แว่นสายตา 1 อัน เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบบริเวณร่างกายของผู้เสียชีวิตพบว่ามีบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณใบหน้า ส่วนตามร่างกายพบว่ามีการหักของกระดูกหลายแห่ง เจ้าหน้าที่จึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนทางคดี ก่อนขึ้นไปตรวจสอบภายในห้องซึ่งเป็นสถานที่ผู้เสียชีวิตพลัดตกลงมา เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดห้องเข้าไปเพื่อตรวจสอบก็พบว่าภายในห้องของผู้เสียชีวิตไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือการรื้อค้นภายในห้องแต่อย่างใด แต่ด้านหลังห้องซึ่งจะเป็นในส่วนของพื้นที่ทำครัวก็พบว่าประตูลูกกรงเหล็กดัดที่ไว้ใช้ป้องการขโมยได้ถูกเปิดออก เจ้าหน้าที่จึงทำการบันทึกภาพทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานเพื่อประกอบสำนวนคดีต่อไป
จากการสอบถามภรรยาของผู้เสียชีวิต ชื่อ แสงเทียน มาดี อายุ 52 ปี บอกกล่าวว่าผู้ตายไม่มีประวัติการใช้ยาเสพติดมาก่อน และไม่มีโรคประจำตัวใดๆ เลย ก่อนที่สามีของตนจะเสียชีวิตได้มีการโทรมาบอกกับตนว่า “ได้ยินเสียงเด็กร้องดังมาก และมีคนตามฆ่าตนเอง” จากนั้นก็เงียบไปตนจึงโทรกลับไปใหม่ ก็ได้ยินพูดเหมือนเดิม ตนจึงถามว่าอยู่ไหน เค้าบอกอยู่ที่ห้อง หลังจากนั้น ตนจึงรีบลางานกลับมาดูที่ห้องพอมาถึงก็พบว่าเป็นแบบนี้แล้ว
เพื่อนบ้านต่างบอกว่าผู้เสียชีวิตเป็นคนอารมณ์ดีไม่เคยมีเรื่องราวกับใครเลย ต่างก็แทบจะไม่เชื่อว่าผู้ตายจะก่อเหตุแบบนี้ขึ้นมาได้
ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นผู้ที่ชื่นชอบการสะสมพระเครื่องทั่วๆไป จาการสังเกตุบนหิ้งพระภายในห้องก็จะพบกับรูปปั้นของกุมารทองขนาดหน้าตักประมาณ 3 นิ้วตั้งรวมอยู่ด้วย และมีการเซ่นไหว้ด้วยน้ำแดง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมหลักฐานพร้อมบันทึกภาพถ่ายทั้งหมดภายในที่เกิดเหตุเพื่อประกอบสำนวนคดีต่อไป เบื้องต้นยังไม่สรุปถึงสาเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องรอผลการตรวจสอบที่ชัดเจนก่อนถึงจะสรุปเรื่องราวทั้งหมดได้ ส่วนร่างผู้เสียชีวิตแพทย์นิติเวช มอบหมายให้อาสาสมัครร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลจุฬา เพื่อตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วจะให้ญาติมารับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.