อธิบดีธนารักษ์ ลงพื้นที่เคลียร์ ‘หมอชิตคอมเพล็กซ์’ ไม่มีเวนคืน เตรียมเดินหน้าโครงการ มูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่บริเวณสถานีขนส่งหมอชิตเก่า เพื่อตรวจติดตามความคืบหน้า โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต หรือหมอชิตคอมเพล็กซ์ และพบปะชาวบ้านเพื่อรับฟังและชี้แจงแนวทางการแก้ปัญหาการเวนคืนที่ดินพื้นที่โดยรอบ ว่า ยืนยันจะไม่มีการเวนคืนที่ดินเพื่อทำทางเข้าออกในพื้นที่โดยรอบ เพื่อลดผลกระทบชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิม โดยได้ปรับแนวทางเส้นทางเข้าออกหลักเป็นการใช้เส้นทางหน้าถนนพหลโยธิน และเส้นทางเสริม โดยใช้ถนนวิภาวดีซอย 5 และจะไม่มีการสร้างทางเชื่อมยกระดับออกไปยังถนนวิภาวดี
นายยุทธนากล่าวว่า ส่วนรูปแบบการเข้าใช้พื้นที่ของกรมการขนส่งทางบกจะมีการปรับเปลี่ยนใหม่ ซึ่งจากเดิมมีแผนจะย้ายสถานีขนส่งหมอชิตทั้งหมดเข้ามาใช้พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้ 1.1 แสนตารางเมตร เป็นมาเพียงบางส่วน เช่น รถโดยสารขนาดเล็ก เพื่อลดความแออัดของการเข้าออกและการจราจรในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ( สนข.) จะเร่งสรุปแผนการเข้าใช้พื้นที่ เพื่อนำกลับมาเสนอที่ประชุมร่วมกับกรมธนารักษ์ในต้นเดือนมีนาคม 2564 เพื่อให้ได้ข้อสรุปแนวทางที่ชัดเจน
นายยุทธนากล่าวอีกว่า ชาวบ้านยอมรับในแนวทางการปรับปรุงแผนก่อสร้างหมอชิตคอมเพล็กซ์ รวมถึงแนวทางการยกเลิกการเวนคืนพื้นที่เข้าออกโดยรอบ ขณะที่ทางบริษัท บางกอกเทอร์มินอล จำกัด หรือบีเคที ผู้ได้รับสัมปทานในการพัฒนาพื้นที่ ได้ยอมรับแนวทางการปรับรูปแบบการเข้าใช้พื้นที่ที่จะย้ายสถานีขนส่งเข้ามาเฉพาะแค่รถเล็ก เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อได้ หลังจากมีความล่าช้ามากว่า 25 ปี นับตั้งแต่ปี 2539 โดยขณะนี้ “บีเคที” อยู่ระหว่างการยื่นการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยภายใน 2-3 เดือน
“หลังจากนั้นจะมีการลงนามสัญญาการก่อสร้าง ซึ่งเมื่อมีการลงนามแล้วจะทำให้กรมฯมีรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทันที 550 ล้านบาท โดยระหว่างการก่อสร้างซึ่งใช้ระยะเวลาตามแผน 5 ปี กรมฯจะได้รับค่าธรรมเนียมระหว่างก่อสร้างปีละ 6.1 ล้านบาท
“เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ กรมฯจะได้รับค่าเช่าปีละ 5 ล้านบาท จนครบอายุสัญญาสัมปทาน 30 ปี และกระทรวงการคลังจะได้รับอาคารและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในพื้นที่ ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท” นายยุทธนากล่าว
นายยุทธนากล่าวว่า สำหรับรายละเอียดการก่อสร้าง พื้นที่โครงการฯ มีทั้งหมด 63 ไร่ โดยเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการ 8 แสนตารางเมตร ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่ชดเชยให้กรมการขนส่งทางบก 1.12 แสนตารางเมตร และพื้นที่เชิงพาณิชย์ 7.76 แสนตารางเมตร เพื่อพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า อพาร์ตเมนต์เซอร์วิส และลานจอดรถ เป็นต้น
“จากการพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่โดยรอบ กรมฯ นำข้อสังเกตของชาวบ้านในบางประเด็นไปหารือเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับแผนการใช้พื้นที่เฉพาะรถเล็ก ซึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีการยกเลิกรถตู้เป็นรถมินิบัสแทน รวมถึงความเป็นห่วงกรณีในประเด็นที่ก่อนหน้านี้ กรุงเทพมหานคร ออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินโดยรอบเพื่อสร้างทางเชื่อมยกระดับ ซึ่งกรมฯจะรับเรื่องไปหารือเพื่อให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในกระบวนทางกฎหมายระยะหนึ่ง รวมถึงในการทำสัญญากับบีเคทีจะมีการระบุให้ชัดเจนว่าห้ามมีการเวนคืนพื้นที่โดนรอบหรือสร้างผลกระทบต่อชาวบ้าน” นายยุทธนากล่าว
นายยุทธนากล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ทำหนังสือถึงกรุงเทพมหานคร เพื่อทวงค่าเช่าจากการใช้ประโยชน์ในพื้นที่บริเวณพื้นที่หมอชิตเก่า ขนาดกว่า 40 ไร่ เป็นอาคารจอดรถไฟฟ้าและอาคารจอดและจร ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ค้างค่าเช่ามาตั้งแต่ปี 2542 คิดเป็นเงินกว่า 240 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาอาจมีการติดขัดข้อกฎหมาย แต่เนื่องจากกรุงเทพมหานครได้นำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์แล้ว ซึ่งตามเงื่อนไขของการใช้พื้นที่ราชพัสดุจะต้องมีการชำระค่าเช่า