
ที่มาของภาพ, หอการค้าไทย
หอการค้าไทยจัดการประชุมระหว่างหอการค้าไทยกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัทใหญ่กว่า 40 บริษัท จากทุกกลุ่มธุรกิจของไทย
ผู้บริหารระดับสูงจาก 40 บริษัทชั้นนำของไทยแสดงความกังวลต่อการจัดหาและดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เป็นไปอย่างล่าช้า โดยมีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียง 0.4% ของประชากร ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปิดประเทศ เสนอรัฐบาลให้ภาคเอกชนมาช่วยเจรจาหาซื้อวัคซีนเพิ่ม
ความเห็นและข้อเสนอดังกล่าวมาจากที่ประชุมระดมความคิดเห็นของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทขนาดใหญ่กว่า 40 บริษัทจากทุกกลุ่มธุรกิจ จัดโดยหอการค้าไทยช่วงเย็นวานนี้ (19 เม.ย.) ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกของภาคเอกชนเพื่อสะท้อนความเห็นและยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลในการจัดการวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะบทบาทของภาคเอกชนเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้ไทยสามารถกลับมาเปิดประเทศไทยได้โดยเร็ว
“ผลสรุปจากการประชุม ซีอีโอทุกบริษัทเห็นตรงกันว่าขณะนี้ประเทศไทยได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียง 0.4% ของประชากรเท่านั้น ซึ่งถือว่าล่าช้ามากสำหรับการที่จะเปิดประเทศที่จะต้องฉีดให้ได้ถึง 70% ของประชากร ภาครัฐจำเป็นต้องจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับทุกคน” นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยกล่าว
ซีอีโอที่เข้าร่วมประชุมเห็นตรงกันว่าจะต้องมีการจัดหาวัคซีนทางเลือกให้เพียงพอ และภาคเอกชนสนับสนุนภาครัฐให้สามารถเปิดประเทศได้อย่างรวดเร็ว เพื่อความปลอดภัยและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องดึงความร่วมมือจากทุกฝ่าย ประธานหอการค้าระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ต่อสื่อมวลชนวันนี้ (20 เม.ย.)
Please activate Javascript to see the graphic
เอกชนพร้อมช่วยการกระจายวัคซีน
แถลงการณ์ของหอการค้าฯ ระบุว่า สำหรับวัคซีนล็อตใหญ่ที่จะเข้ามาตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้ จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมและวางแผนการกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่ง หอการค้าไทยและเครือข่ายภาคเอกชน จะช่วยสนับสนุนภาครัฐในการกระจายวัคซีนที่ภาครัฐจัดซื้อมา ให้เกิดประสิทธิภาพและทั่วถึงมากที่สุด โดยจะเริ่มที่กรุงเทพฯ ก่อน เพื่อเป็นตัวอย่างให้จังหวัดอื่น ๆ
นอกจากนี้หอการค้ายังเสนอให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการเจรจาซื้อวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม
ที่มาของภาพ, หอการค้าไทย
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย
“หอการค้าไทยตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2564 ต้องบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ 70% โดยบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าของกรุงเทพฯ ต้องได้รับการฉีดทั้งหมด 100% ภายในสิ้นเดือน มิ.ย. ส่วนการฉีดวัคซีนสำหรับประชาชนทั่วไปในกรุงเทพฯ ต้องให้ได้อย่างน้อย 50,000 โดสต่อวัน โดยภาคเอกชนจะเข้ามาเสริมการทำงานของภาครัฐเพื่อให้ได้เป้าหมายดังกล่าว พร้อมกันนั้น จะจัดทำรูปแบบมาตรฐาน หรือรูปแบบตัวอย่างของภาคเอกชนที่สนับสนุนการฉีดวัคซีน ให้กับจังหวัดอื่น ๆ ภายในสิ้นเดือน เม.ย.นี้ และเชื่อมั่นว่า ภาคเอกชนสามารถใช้ความถนัด ความเชี่ยวชาญ และ ทรัพยากรของพวกเราเพื่อประเทศได้ ” นายสนั่นกล่าว
เสนอจัด 4 ทีมสนับสนุนการฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ หอการค้าไทยและเครือข่าย จะแบ่งงานออกเป็น 4 ทีม เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีน ได้แก่
- ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน ช่วยสนับสนุน สถานที่ บุคลากร อาสาสมัคร และอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์เอกสาร เครื่องอ่านบัตรประชาชน ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพิ่มจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ซึ่งตอนนี้ได้มีการเตรียมและไปลงพื้นที่สำรวจกับ กทม. แล้ว
ในระยะแรก จำนวน 10 พื้นที่ใน กทม. ที่เอกชนจะนำร่อง เช่น กลุ่มเซ็นทรัล , SCG , เดอะมอลล์ , สยามพิวรรธน์ , เอเชียทีค , โลตัส , บิ๊กซี , ทรูดิจิตัลพาร์ค เป็นต้น โดยจะสรุปกับ กทม. ภายในวันที่ 27 เม.ย. และในระยะถัดไปจะมีการหารือในการจัดทำหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ไปยังจุดต่าง ๆ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของประชาชน
- ทีมการสื่อสาร เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและมาฉีดวัคซีนในสถานที่ที่พร้อม เพราะปัจจุบันหลายคนยังไม่เข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีน หลายคนไม่ยอมฉีด ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ภาครัฐจะทำระบบ “หมอพร้อม” เสร็จสิ้นในเดือน เม.ย. ซึ่งจะสามารถระบุสถานที่ต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีน การจัดคิวการฉีดที่ไม่หนาแน่น หรือลำดับการฉีดที่เหมาะสม โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายบริษัท อาทิเช่น Google, LINE, Facebook, VGI และ Unilever เป็นต้น
ที่มาของภาพ, AFP/getty images
- ทีมเทคโนโลยีและระบบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการลงทะเบียน ขั้นตอนในการฉีดที่รวดเร็ว และมีระบบการติดตามตัว พร้อมสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนได้ โดยมีหลายบริษัท นำทีมโดย IBM เข้ามาสำรวจและปรับปรุงกระบวนการ
- ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ร่วมกับภาครัฐและเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน โดยจะไปสำรวจความต้องการฉีดวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาล และทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น นำโดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งประเมินว่ายังต้องการวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีก 30 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ
โควิด-19 : ทำไมคุณจึงไม่สามารถเปรียบเทียบวัคซีนแต่ละตัวได้
ผู้บริหารจาก 40 บริษัทที่เข้าประชุม ประกอบด้วย
บจก.น้ำตาลมิตรผล
• บจก.ปูนซิเมนต์ไทย (SCG)
• บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์
• บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ
• บมจ.ซีแวลูกรุ๊ป
• บจก.เซ็นทรัลพัฒนา
• บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น
• บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป
• บมจ.ดุสิตธานี
• บมจ.เดอะมอลล์ กรุ๊ป
• บจก.โตชิบา ไทยแลนด์
• บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น
• บจก.ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม
• บจก.ไทยน้ำทิพย์
• บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ
• บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
• บมจ.ไทยวิวัฒน์ประกันภัย
• ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
• บมจ.บี.กริม เพาเวอร์
• บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล
• บมจ. บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์
• COSO Foods Thailand & Vietnam of Pepsi Cola (Thai) Trading Co., Ltd.
• บจก.เมืองไทยประกันภัย
• บจก.ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง
• บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา
• บจก.โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท
• บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
• บจก.ไลน์ ประเทศไทย
• บจก.สยามพิวรรธน์
• บจก.สิงห์ คอร์เปอเรชั่น
• บจก.หลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์
• บจก.เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม (เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย)
• บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น
• บจก.ไอบีเอ็ม ประเทศไทย (IBM)
• บมจ. เอ็ม บี เค (MBK Group)
• บจก.เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย)
• บจก.กูเกิล (ประเทศไทย)
• Kao Industrial (Thailand) Co., Ltd.
• SIAM MAKRO PCL
• Minor International PCL
• Nestle Indochina, Nestle

