รายงานข่าวจากศาลาว่าการ กทม. แจ้งว่า ในการประชุมสภา กทม. เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่อาคารไอราวัตพัฒนา กทม.2 ดินแดง พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าฯ กทม. ได้เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 (ฉบับที่…) พ.ศ. …เนื่องด้วย กทม.มีความจำเป็นในการชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า และส่วนต่อขยาย 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการและช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จำนวน 9,246,748,339 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า นายธวัชชัย ฟักอังกูร สมาชิกสภา กทม. อภิปรายในที่ประชุมว่า ขณะนี้สถานะทางการคลัง รายรับจริงลดลง เป็นปีแรกในปี 2563 ส่วนเงินสะสมที่เดิมมีอยู่ 66,385.50 ล้านบาท ได้มีค่าใช้จ่าย รวม 13 รายการ เป็นเงิน 55,133.84 ล้านบาท ทำให้เงินสะสมคงเหลือ 11,171.96 ล้านบาท หากต้องนำเงินสะสมออกมา 9,246,748,339 บาท จะทำให้เงินสะสมคงเหลือ 2 พันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนไม่มาก ทั้งนี้หลักเกณฑ์การจ่ายขาดเงินสะสม ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องเงินสะสม พ.ศ.2562 ข้อ 12 การจ่ายขาดเงินสะสมให้ทำได้ในกรณีอยู่ในอำนาจหน้าที่และมีความจำเป็นเร่งด่วนที่เกี่ยวกับการบริการชุมชนและสังคมหรือการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรงหรือเพิ่มรายได้ให้กับกรุงเทพมหานครและต้องเป็นไปตามแผนพัฒนากรุงเทพมหานครหรือตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ให้คำนึงถึงฐานะเงินสะสมของกรุงเทพมหานครด้วย ดังนั้น การจ่ายขาดเงินสะสมดังกล่าวไม่เป็นไปตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร จึงไม่เห็นชอบให้จ่ายขาดเงินสะสม
อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ โดยกำหนดสัดส่วนการลงทุนระหว่างรัฐบาลกับ กทม. ตามมติ คจร. หรือใช้วิธีให้เอกชนรับภาระและให้ประโยชน์ตอบแทนในรูปแบบสัมปทานเดินรถ หากไม่สามารถดำเนินการตามข้อเสนอควรส่งโครงการดังกล่าวกลับคืนให้ รฟม. โดยจัดทำข้อตกลงและเงื่อนไขต่างๆในหลักการเดียวกันกับเมื่อครั้งที่ กทม.รับโอนโครงการมา ทั้งนี้ ที่ประชุมสภา กทม.มีมติไม่เห็นชอบญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องดังกล่าว.

