ตลอด 1 ปีเต็ม ๆ ที่ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจากวิกฤต ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นศูนย์ รวมถึงปรากฏการณ์การถล่ม “สงครามราคา” อย่างหนักของกลุ่มโรงแรมหรูทำให้โรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กต้องดิ้นหา “ทางรอด” ให้ตัวเอง
Beat Hotel Bangkok (บีท โฮเทล แบงค็อก) เป็นโรงแรม design hotel หรือ art hotel ภายใต้คอนเซ็ปต์ Stay in the Art of Bangkok ขนาด 54 ห้องพัก เป็นรายหนึ่งที่กล้าลุกขึ้นมาประกาศแนวทางการปรับตัวเพื่อประคับประคองธุรกิจและรักษาการจ้างงานของพนักงานเอาไว้
“อาคเนย์ ภววัฒนานุสรณ์” Executive Vice President for Special Business Unit “วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้” เจ้าของและผู้บริหาร Beat Hotel Bangkok ยอมรับว่า โรงแรมแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากโควิดตั้งแต่รอบแรก เนื่องจากฐานลูกค้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงราว 90% และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ราว 70-80%
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตัดสินใจปรับโพซิชันนิ่งของโรงแรมมาเป็น “เซอร์วิสเรซิเดนต์” ตั้งแต่ต้นปี 2564 ที่ผ่านมา หลังจากเจอโควิดระลอกใหม่ ทั้งนี้ เพื่อความอยู่รอด โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนไทยและกลุ่มเอ็กซ์แพตตกค้างที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ
สำหรับอัตราค่าเช่านั้น “อาคเนย์” บอกว่า โรงแรมมีห้องให้บริการ 3 ขนาดอัตราค่าเช่าเริ่มตั้งแต่ 20,000-25,000 บาทต่อเดือน โดยห้องสแตนดาร์ด (Superio) 20,000 บาทต่อเดือน ห้อง Deluxe 23,000 บาทต่อเดือน และใหญ่พิเศษห้อง Junior Suite 25,000 บาทต่อเดือน
“เนื่องจากโรงแรมเราอยู่ในโครงการ W District ระหว่างซอยสุขุมวิท 69-71 ช่วงที่ปิดรอบ 2 พฤติกรรมคนการ์ดไม่สูงเท่ารอบแรก มีคนแสวงหาพื้นที่ทำงานใหม่ ๆ ไม่อยาก work from home ทำให้เกิดโปรดักต์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น อาทิ work from hotel รวมถึงไปเช่ารีสอร์ตต่าง ๆ เพื่อทำงาน ฯลฯ เราจึงมองว่าพื้นที่ของโรงแรมน่าจะทำได้ เพราะมีบริการอื่น ๆ ที่สามารถใช้ด้วยกันได้ เช่น เซอร์วิส ออฟฟิศ, co-working ฯลฯ”
เรียกว่า เปลี่ยนบรรยากาศใหม่ ๆ มาทำงานแถวย่านพระโขนง อย่างไรก็ตาม หากมีลูกค้าต้องการเข้าพักรายวันทางโรงแรมก็ยังให้บริการเหมือนเดิม โดยแยกชั้นให้บริการจากลูกค้าที่พักระยะยาว
เมื่อถามว่า แนวทางการปรับตัวดังกล่าวนี้เป็นการปรับระยะสั้นหรือระยะยาว “อาคเนย์” ตอบว่า จนกว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวของเราจะดีขึ้น เพราะแนวทางดังกล่าวนี้เป็น “โซลูชั่น” หนึ่งที่ออกมาเพื่อแก้ปัญหาในช่วงโควิดนี้ หรืออาจตลอดทั้งปีในปีนี้ หากการท่องเที่ยวกลับมาก็จะต้องมาดูว่าห้องพักที่มีอยู่ยังติดสัญญาลูกค้าระยะยาวสักกี่ห้องแล้วค่อย ๆ ปรับคืนมาสู่โรงแรมอีกครั้ง
“ปีนี้ธุรกิจโรงแรมแย่กันถ้วนหน้าทุกคนก็ต้องปรับตัว ยิ่งใหญ่ต้นทุนยิ่งหนัก เพราะต้องแบกต้นทุนการบริหารที่สูงส่วนของเราขนาดไม่ใหญ่มากยังเหนื่อยเลย”
พร้อมย้ำว่า ส่วนตัวหวังว่าการปรับโซลูชั่น Beat Hotel Bangkok สู่เซอร์วิสเรซิเดนต์ครั้งนี้จะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนทำเลโดยไม่ติดสัญญาเช่าระยะยาว รวมทั้งกลุ่มเอ็กซ์แพตที่ตกค้างอยู่ในเมืองไทยแล้วเบื่อทำเลเดิมที่เคยอยู่ เพราะที่นี่เป็นอีกย่านหนึ่งที่อยากให้ชาวต่างชาติได้มาสัมผัสกับเสน่ห์วิถีชีวิตของชาวพระโขนง