พรรคเพื่อไทย พรรคฝ่ายค้านหลักของไทยเรา ระบุในแฟนเพจว่า รถไฟความเร็วสูงจากประเทศจีน ได้มาถึงกรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งตรงข้ามกับจังหวัดหนองคาย พรรคเพื่อไทยจึงจะเสนอนโยบายสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมจากกรุงเวียงจันทน์ของประเทศลาวเข้ามาจังหวัดหนองคายก่อน ไม่ต้องรอให้สร้างจากกรุงเทพฯไปนครราชสีมาแล้วต่อไปหนองคายถึงค่อยเชื่อมเวียงจันทน์ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานหลายปี “ขณะนี้รถไฟความเร็วสูงของไทย เพิ่งทำได้ 3.5 กิโลเมตร โดยได้มีการดำเนินการในยุคที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและตอนนี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากการใช้เวลาก่อสร้างถึง 2 ปีครึ่งและอาจเสียเงินเปล่า”
นี่คือวิสัยทัศน์ของพรรคฝ่ายค้านพรรคหลักของประเทศไทย
1. ไม่น่าเชื่อว่า พรรคฝ่ายค้านไทย จะมีวิสัยทัศน์ระดับเวียงจันทน์-หนองคาย ระยะทางไม่กี่กิโลเมตร อ้างว่าเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาไทย จะต้องรีบลงทุนสร้างรถไฟความเร็วสูงไปพาเขาข้ามโขงมาที่หนองคาย
ถ้าไม่มีรถไฟความเร็วสูงข้ามมาหนองคาย นักท่องเที่ยวจะไม่ข้ามโขงมาเลยหรือ?
หรือจริงๆ แค่อยากมีซีนในเรื่องรถไฟความเร็วสูง?
แล้วทราบหรือไม่ ตามแผนของรัฐบาลไทย ที่ถูกฝ่ายค้านด้อยค่าว่าโง่-เฮงซวยนั้น เขาคิดอ่านไว้รอบคอบรอบด้านกว่า
วิสัยทัศน์ข้างต้นขนาดไหน?
2. ทราบหรือไม่ รถไฟฟ้าจีน-ลาว ไม่ใช่รถไฟความเร็วสูงเหมือนไทย
เขาใช้ความเร็ว 160 กม./ชม. และระบบรางก็เป็น “ทางเดี่ยว” คือ มีรางเดียว จะวิ่งสวน วิ่งแซงกันไม่ได้ โดยโครงการนี้ลาวยอมตกลงเงื่อนไขเงินกู้จากจีนพร้อมผลประโยชน์ต่างๆ จีนมีสิทธิอำนาจ 70% บริหารบริษัททางรถไฟลาว-จีน ดูแลผลประโยชน์ที่เกี่ยวเนื่อง (ถ้าไทยเรายอมตกลงเช่นนั้น คงจะถูกโจมตีกันรุนแรงมาก)
ในขณะที่รถไฟความเร็วสูงในไทยเป็นรถไฟความเร็วสูง ใช้ความเร็ว 250 กม./ชม. และลงทุนก่อสร้างเป็น “ทางคู่” คือ วิ่งสวน วิ่งแซงกันได้ โดยไทยเราใช้เวลาเจรจากับจีนยาวนานต่อรอง เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย ไทยลงทุนเอง100% จีนขายและถ่ายทอดเทคโนโลยี ไทยเรามีออำนาจบริหารจัดการเต็ม
สำหรับขบวนรถไฟที่จะนำมาให้บริการในไทย คือ Fuxing Hao CR300AF เบื้องต้นจัดซื้อ 6 ขบวน โดยแต่ละขบวนจะมี 8 ตู้โดยสาร บรรทุกผู้โดยสารจำนวน 594 ที่นั่งแบ่งเป็นชั้นหนึ่ง 96 ที่นั่ง ชั้นมาตรฐาน 498 ที่นั่ง คาดว่าจะส่งมอบปี 2567-2568 และเปิดให้บริการในปี 2569
3. ทราบหรือไม่ โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย ไม่ใช่จะรอให้สร้างเฟสแรก ช่วงกรุงเทพฯ-โคราช แล้วเสร็จก่อน ค่อยสร้างเฟสสองต่อช่วงโคราช-หนองคาย
ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนออกแบบช่วงโคราช-หนองคาย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ช่วงปี 2565-66 นี้ และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปี 2571 หรือประมาณ 2 ปี ตามหลังเฟสแรก
กรุงเทพฯ-โคราช
โดยการอนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช วันที่ 11 กรกฎาคม 2560 อนุมัติงบประมาณไว้ 179,421 ล้านบาท ในเฟสที่ 1 กรุงเทพฯ-โคราช จากแผนเต็ม กรุงเทพฯ-หนองคาย เชื่อมต่อกับทางรถไฟของลาว ที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวใหม่ (รถไฟ)
4. ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงในประเทศเพื่อนบ้าน คือ มาเลเซียและสิงคโปร์ ได้ล้มเลิกไปแล้ว
แต่รถไฟความเร็วสูงของไทยยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้
น่าแปลกใจ คนบางกลุ่มพยายามแซะทำนองว่าทำได้แค่ถมดิน 3.5 กิโลเมตร เสียเงินเปล่า
ความจริง โครงการมีความคืบหน้าไปไกลกว่านั้น
เพจ “โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure” ได้อัพเดทข้อมูลรายละเอียดที่น่าสนใจ สรุปรายละเอียดและความคืบหน้า รถไฟความเร็วสูงสายอีสาน (กรุงเทพฯ-โคราช) ทั้ง 14 สัญญา
ในโครงการมีรายละเอียดสัญญางานโยธา ทั้งหมด 14 สัญญา ซึ่งปัจจุบันแบ่งเป็น 4 สถานะ คือ
(1) ก่อสร้างแล้วเสร็จ 1 สัญญา 1-1 ช่วง กลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ซึ่งเป็น Site ทดลองการถ่ายทอดเทคโนโลยีการก่อสร้าง และปรับวัตถุดิบให้ใช้สินค้าในประเทศเป็นหลัก
(2) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 7 สัญญา อาทิ
2-1 ช่วง สีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กิโลเมตร (แบ่งเป็นงานทางวิ่งระดับดิน 6.7 กิโลเมตร ทางวิ่งยกระดับ 4.2 กิโลเมตร อาคารศูนย์ซ่อมบำรุงย่อยโคกสะอาด มูลค่าการก่อสร้างรวม 3,114 ล้านบาท) ล่าสุด ความคืบหน้าของโครงการช่วงนี้
เสร็จไปแล้ว 72.07% ณ วันที่ 25 กันยายน 2564
3-2 งานโยธาสำหรับงานอุโมงค์ (มวกเหล็กและ ลำตะคอง) จุดเด่นคืองานก่อสร้างอุโมงค์ยาวรวม 8 กิโลเมตร และการก่อสร้างทางรถไฟระยะทางรวม 12.23 กิโลเมตร ความคืบหน้า 0.12 % ณ วันที่ 25 กันยายน 2564
3-4 งานโยธาสำหรับช่วงลำตะคอง-สีคิ้ว และช่วงกุดจิก-โคกกรวด จุดเด่นคือ มีงานก่อสร้างทางรถไฟระยะทางยาวที่สุดในโครงการ ถึง 37.45 กิโลเมตร ความคืบหน้า 7.30% ณ วันที่ 25 กันยายน 2564
3-5 งานโยธาสำหรับช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา เป็นงานก่อสร้างสถานีนครราชสีมา และการก่อสร้างทางรถไฟระยะทางรวม12.38 กิโลเมตร ความคืบหน้า 0.92% ณ วันที่ 25 กันยายน 2564
4-3 งานโยธาสำหรับช่วงนวนคร-บ้านโพ วงเงินก่อสร้าง 11,525 ล้านบาท เป็น งานโยธาสำหรับช่วงนวนคร-บ้านโพ ประกอบด้วย งานโครงสร้างทางรถไฟเป็นทางยกระดับ 23 กม. ฯลฯ ความคืบหน้า 0.15% ณ วันที่ 25 กันยายน 2564
4-7 งานโยธาสำหรับช่วงสระบุรี-แก่งคอย จุดเด่นคืองานก่อสร้างสถานีสระบุรี และการก่อสร้างทางรถไฟระยะทางรวม 12.99 กิโลเมตร ความคืบหน้า 3.67% ณ วันที่ 25 กันยายน 2564
(3) อยู่ระหว่างการเตรียมก่อสร้าง 3 สัญญา ได้แก่
4-2 งานโยธาสำหรับช่วงดอนเมือง-นวนคร วงเงินก่อสร้าง 10,590 ล้านบาท เป็นงานโยธาสำหรับช่วงดอนเมือง-นวนคร ประกอบด้วย งานโครงสร้างทางรถไฟยกระดับ ระยะทางรวม 21.80 กม. ฯลฯ
4-4 งานโยธาสำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย วงเงินก่อสร้าง 6,573 ล้านบาท เป็นงานโยธาสำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย ประกอบด้วย ทางรถไฟระดับพื้นในศูนย์ซ่อมบำรุง งานอาคารภายในศูนย์ซ่อมบำรุงรวมถนนต่อเชื่อม ฯลฯ
4-6 งานโยธาสำหรับช่วงพระแก้ว-สระบุรี วงเงินก่อสร้าง 9,428 ล้านบาท เป็นงานโยธาสำหรับช่วงพระแก้ว-สระบุรี ประกอบด้วย งานโครงสร้างทางรถไฟ ระยะทางรวม 31.60 กม. ฯลฯ
(4) งานที่รอสรุปรายละเอียด และติดปัญหาข้อพิพาท 3 สัญญา ได้แก่
3-1 ช่วง แก่งคอย-กลางดง,ปางอโศก-บันไดม้า มูลค่าโครงการ 9,348 ล้านบาท ติดปัญหาข้อร้องเรียนด้านการประมูล ซึ่งศาลพึ่งยกฟ้องไปเมื่อเดือนที่แล้ว
4-1 ช่วง บางซื่อ-ดอนเมือง อยู่ในช่วงการเจรจากับทาง CP
4-5 ช่วง บ้านโพ-พระแก้ว มูลค่าโครงการ 9,913 ล้านบาท เป็นช่วงที่มีปัญหาสถานีอยุธยาและการผ่านเมืองอยุธยา ล่าสุดได้ข้อยุติแล้ว!!!
5. รถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-โคราชที่คาดว่าจะเปิดให้บริการปี 2569 นี้ ระยะทาง 250 กม.
เส้นทาง เป็นทางวิ่งระดับดิน 54.09 กม. ทางวิ่งยกระดับ 188.68 กม. และมีอุโมงค์รวม 8 กิโลเมตร
มีสถานีรถไฟความเร็วสูงทั้งหมด 6 สถานี ได้แก่ – สถานีกลางบางซื่อ – สถานีดอนเมือง – สถานีอยุธยา – สถานีสระบุรี – สถานีปากช่อง – สถานีนครราชสีมา(โคราช)
จะใช้เวลาเดินทาง 90 นาที
ค่าโดยสารในโครงการ จะคิดตามระยะทาง 1.8 บาท/กิโลเมตร และมีค่าแรกเข้าระบบ 80 บาท
จากต้นทางกรุงเทพฯ ไปยังสถานีต่างๆ ดังนี้ ไปดอนเมือง 105 บาท, อยุธยา 195 บาท, สระบุรี 278 บาท, ปากช่อง 393 บาท, นครราชสีมา 536 บาท
ในปีแรกที่เปิดให้บริการ คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารไว้ 5,315 คน/วัน
ส่วนที่สำคัญอีกส่วน คือ การพัฒนาพื้นที่พาณิชย์ และการพัฒนาเศรษฐกิจของเมือง ตามสถานีรถไฟความเร็วสูง
6. นอกจากนี้ โครงการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ก็เดินหน้าไปด้วย
โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช บางใหญ่-กาญจนบุรีฯลฯ ถนนหนทางต่างๆ
โครงข่ายรถไฟทางคู่ (ซึ่งจะทำให้รถไฟปกติมีความสะดวกสบาย รวดเร็ว ปลอดภัยมากขึ้น)
สนามบิน อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ที่สนามบินหลายๆ แห่ง ฯลฯ
ลองคิดดู ถึงปี 2569-2570 เมื่อโครงการเหล่านี้เสร็จพร้อมใช้งาน ระบบคมนาคมขนส่ง เศรษฐกิจและธุรกิจ
ที่เกี่ยวเนื่อง จะพลิกโฉมไปถึงขนาดไหน
นั่นเป็นผลงานของ “ฝ่ายทำงาน” ไม่ใช่ “ฝ่ายโม้”
สันติสุข มะโรงศรี